简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
อยากป้องกัน Overtrade ควรการจัดการความเสี่ยงอย่างไร?
บทคัดย่อ: นักเทรดทั้งหลาย แอดเหยี่ยวมีเคล็ดลับการจัดการความเสี่ยงมาฝาก เพื่อป้องกันการ Overtrade ที่อาจทำให้กระเป๋าตังแบนแบบไม่รู้ตัว! หากอยากอยู่รอดในตลาดระยะยาว การควบคุมและวางแผนเป็นสิ่งจำเป็น ลองดูเทคนิคเหล่านี้: ตั้งขีดจำกัดการขาดทุนต่อวัน: หยุดเทรดทันทีเมื่อถึงขีดจำกัดที่กำหนด ใช้กฎ 1% หรือ 2%: จำกัดความเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ต่อการเทรด ตั้งเป้าหมายกำไร: หยุดเมื่อถึงเป้าหมาย ไม่เพิ่ม Lot หรือเทรดต่อ กำหนดกฎเหล็ก: เช่น ไม่เทรดเมื่ออารมณ์ไม่ดี ตั้ง Stop Loss: ควบคุมความเสี่ยงเพื่อป้องกันการขาดทุนใหญ่

นักเทรดทั้งหลาย แอดเหยี่ยวขอเสนอเคล็ดลับจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันการ Overtrade ที่อาจทำให้กระเป๋าตังแบนแบบไม่รู้ตัว! ถ้าอยากอยู่รอดในตลาดนี้แบบยาวๆ การรู้จักควบคุมและวางแผนเป็นเรื่องจำเป็นสุด ๆ ลองมาดูเทคนิคที่แอดเหยี่ยวคัดมาให้ใช้กัน ตามมาเลย!
การจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันการ Overtrade
การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการ Overtrade ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจทำให้เทรดเดอร์สูญเสียอย่างรุนแรง ต่อไปนี้คือเทคนิคที่ผมอยากแนะนำให้ลองนำไปปรับใช้

- กำหนดขีดจำกัดการขาดทุนต่อวัน (Daily Loss Limit): ตั้งขีดจำกัดของจำนวนเงินที่คุณยอมรับได้ว่าจะขาดทุนในแต่ละวัน เมื่อถึงขีดจำกัดนี้ ให้หยุดการเทรดทันที และรอเริ่มใหม่ในวันถัดไป การรีบเร่งเพื่อคืนทุนอาจทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะตลาดมีให้เทรดทุกวัน ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งรีบ
- ใช้กฎ 1% หรือ 2%: จำกัดความเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้งไว้ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมด หลีกเลี่ยงการเทรดแบบ All In ในครั้งเดียวและหวังผลกำไรมหาศาล เพราะการใช้วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถเทรดได้ในระยะยาวอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ตั้งเป้าหมายกำไร: ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและหยุดเทรดเมื่อบรรลุเป้าหมายนั้น อย่าปล่อยให้ความโลภทำให้คุณเพิ่มขนาด Lot หรือเทรดต่อหลังจากได้กำไร เพราะอาจเสี่ยงที่จะคืนกำไรกลับสู่ตลาด
- กำหนดกฎเหล็กสำหรับตัวเอง: การสร้างกฎที่ชัดเจน เช่น “ไม่เทรดเมื่ออยู่ในอารมณ์ไม่ดี” หรือ “ไม่เพิ่ม Lot size เมื่อขาดทุน” เป็นสิ่งสำคัญ และที่สำคัญกว่าคือการปฏิบัติตามกฎเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
- ตั้ง Stop Loss: อย่าลืมตั้งจุด Stop Loss ทุกครั้งที่เปิดออเดอร์ เพื่อควบคุมความเสี่ยงและป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดจากความผันผวนของตลาด การคิดว่าจะปล่อยให้ลากไปเรื่อย ๆ หวังว่าราคาจะกลับมาเอง อาจทำให้คุณไม่มีระบบการเทรดที่มั่นคงและนำไปสู่การสูญเสียอย่างรวดเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก forexthai.in.th
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
JustMarkets
octa
FXTM
Ultima
VT Markets
AVATRADE
JustMarkets
octa
FXTM
Ultima
VT Markets
AVATRADE
WikiFX โบรกเกอร์
JustMarkets
octa
FXTM
Ultima
VT Markets
AVATRADE
JustMarkets
octa
FXTM
Ultima
VT Markets
AVATRADE
