สำรวจพันธมิตรฟอเร็กซ์และโอกาสทางธุรกิจ

แอปที่รวมข้อมูลโบรกเกอร์ทั่วโลกไว้ที่เดียว

WikiFX

ค้นหานายหน้า

ภาษาไทย

简体中文繁體中文 English Pусский 日本語 ภาษาไทย Tiếng Việt Bahasa Indonesia Español हिन्दी Filippiiniläinen Français Deutsch Português Türkçe 한국어 العربية

Download

หน้าแรก

โบรกเกอร์

VPS

News

กลุ่ม -

ติดตาม
สำหรับคุณ
แนวโน้ม
ธุรกิจ

WikiFX2023

กนง. ปรับเพิ่ม GDP ปีนี้โต 2.3% ห่วงศก.ครึ่งปีหลัง

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่า เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรกนี้ จะเติบโตได้ราว 2.9% โดยไตรมาส 2 จะยังขยายตัวได้ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ระดับ 3.1% และตั้งแต่ครึ่งปีหลังไป เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงแรง เพราะผลจากสงครามการค้าโลกจะมีเข้ามาชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งความเสี่ยงจากปัจจัยต่าง ๆ จะเริ่มมีมากขึ้น ทั้งนี้ กนง. ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 2.3% เพิ่มขึ้นจากระดับเดิมที่ 2.0% นั้น ได้รวมปัจจัยเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาทเข้าไว้แล้ว แต่ยังไม่รวมปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองไว้ในประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ เพราะยังไม่เห็นพัฒนาการที่ชัดเจน เว้นแต่ว่าจะมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน เช่น ในปี 2566 ที่มีผลต่อการจัดทำงบประมาณที่ล่าช้า ซึ่งทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณต้องเลื่อนออกไปจากปกติค่อนข้างมาก สำหรับประมาณการเศรษฐกิจไทยที่สำคัญในปีนี้ คาดว่า มูลค่าการส่งออก ปีนี้โต 4% ส่วนปี 69 หดตัว -2%, อัตราเงินเฟ้อปีนี้ 0.5% ปีหน้า 0.8%, จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปีนี้ 35 ล้านคน ปีหน้า 38 ล้านคน, ดุลบัญชีเดินสะพัด ปีนี้ เกินดุล 11 พันล้านดอลลาร์ ปีหน้า เกินดุล 13 พันล้านดอลลาร์ “GDP ปี 68 ไม่น่าจะโตได้ต่ำกว่า 2% หากเศรษฐกิจจะโตต่ำกว่า 2% ได้ ต้องมีภาวะ Technical recession คำถามคือ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเราเห็นแบบนั้นกี่ครั้ง ต้องบอกว่ามีแค่ 4 ครั้ง คือปี 40 วิกฤตต้มยำกุ้ง) ปี 2551 (Global Financial Crisis) ช่วงความไม่สงบทางการเมือง และช่วงโควิด จะเห็นว่าช็อคแต่ละช่วง เป็นช็อคที่ค่อนข้างใหญ่ และเป็นช็อคต่างประเทศเข้ามาด้วย แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นแบบนั้น และไม่เห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะชะลอลงไปแรงมาก ดังนั้นต่อให้ ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 เศรษฐกิจไทยไม่โตเลย ทั้งปี ก็ยังโตได้ 2.2% ซึ่งการที่เศรษฐกิจปีนี้จะโตต่ำกว่า 2% ได้นั้น ช่วงครึ่งปีหลังจะต้องติดลบ 0.3% นี่คือเหตุผลที่เรามองว่าทั้งปี มีโอกาสที่จะโตได้ 2.3%” นายสักกะภพ ระบุ ทั้งนี้ การประมาณเศรษฐกิจไทยดังกล่าว อยู่ภายใต้สมมติฐานว่าได้มีการเจรจานโยบายการค้ากับสหรัฐฯ และได้ลดอัตราภาษีลงครึ่งหนึ่งจากที่สหรัฐฯ ประกาศไว้ คือ เหลือ 18% จาก 36% ขณะที่ประเทศอื่นได้ 10% ส่วนจีนได้ 30% อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามผลการเจรจาอย่างใกล้ชิด เพราะผลสุดท้ายที่ออกมา อาจจะมีได้ทั้งด้านบวก หรือด้านลบ รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นด้วย เช่น เรื่องปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายในประเทศด้วย “การลดดอกเบี้ยตั้งแต่ปลายปี 67 ที่ผ่านมา จนถึงครึ่งแรกของปีนี้ รวมแล้ว 3 ครั้ง ถือว่ารองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นเหตุผลที่ กนง.คงดอกเบี้ยรอบนี้ เป็นเรื่องของ timing และประสิทธิภาพการทำนโยบายภายใต้ policy space ที่มีจำกัด ควรจะใช้ตอนไหน ซึ่งภายใต้ความไม่แน่นอนที่ยังมีสูง กนง.ก็พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า” นายสักกะภพ ระบุ ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์

06-26

WikiFX2023

คู่ค้า "กัมพูชา" คือใคร? เปิด 10 ประเทศรายใหญ่

เปิด 10 ประเทศคู่ค้าที่กัมพูชานำเข้าสินค้าสูงสุด 1 จีน : มูลค่า 7,005,413 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 51.9% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 2 เวียดนาม : มูลค่า 1,800,503 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 3 ไทย : มูลค่า 1,483,095 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 11.0% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 4 อินโดนีเซีย : มูลค่า 436,246 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 5 ญี่ปุ่น : มูลค่า 388,999 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 6 สิงคโปร์ : มูลค่า 289,047 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 7 มาเลเซีย : มูลค่า 371,754 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 8 ไต้หวัน : มูลค่า 301,386 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 9 เกาหลีใต้ : มูลค่า 238,181 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน 10 ฮ่องกง : มูลค่า 135,706 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปี 2025 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 68) เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับปี 2024 ในช่วงเดียวกัน เปิด 10 สินค้าหลักที่กัมพูชานำเข้ามากที่สุด 1 เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบของเครื่องดังกล่าว เครื่องบันทึกและเล่นเสียง เครื่องบันทึกและเล่นภาพและเสียงโทรทัศน์ และส่วนประกอบ-อุปกรณ์ 2 ผ้าถักหรือโครเชต์ 3 เชื้อเพลิงแร่ น้ำมันแร่และผลิตภัณฑ์จากการกลั่น สารที่เป็นยางมะตอย ขี้ผึ้งแร่ 4 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หม้อไอน้ำ เครื่องจักรและเครื่องใช้กล รวมทั้งส่วนประกอบของของ 5 ยานพาหนะอื่นนอกจากรถไฟหรือรถราง และส่วนประกอบและอุปกรณ์ของยานพาหนะ 6 พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก 7 เส้นใยสังเคราะห์ 8 สิ่งของที่ทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า 9 เหล็ก และเหล็กกล้า 10 อะลูมิเนียมและของทำด้วยอะลูมิเนียม ขอบคุณข้อมูลจาก Sanook.com

06-23

WikiFX2023

หุ้นเอเชียดิ่งหลังสหรัฐโจมตีอิหร่าน

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในวันจันทร์ เนื่องจากความเสี่ยงในการลงทุนถูกกระทบจากการที่สหรัฐโจมตีสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งอาจเป็นการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่รุนแรง หุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงพร้อมกับตลาดอื่นๆ แม้ว่าตลาดในประเทศจะได้รับแรงหนุนบางส่วนจากข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ ตลาดในภูมิภาคตื่นตระหนกจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ํามัน ซึ่งส่งผลต่อความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจยืดเยื้อและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 0.3% ในการซื้อขายช่วงเอเชีย แม้ว่านักวิเคราะห์จะสังเกตเห็นว่าสินทรัพย์เสี่ยงกําลังแสดงความยืดหยุ่นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ หุ้นเอเชียดิ่งหลังสหรัฐโจมตีสถานที่ของอิหร่าน; จับตาการหยุดชะงักของน้ํามัน ASX 200 ของออสเตรเลียเป็นหนึ่งในตลาดที่มีผลการดําเนินงานแย่ที่สุดในวันนี้ ลดลงเกือบ 0.8% แม้จะมีข้อมูล PMI ที่ค่อนข้างดีสําหรับเดือนมิถุนายน ดัชนี Shanghai Shenzhen CSI 300 และ Shanghai Composite ของจีนลดลง 0.4% และ 0.1% ตามลําดับ ในขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงลดลง 0.6% ปักกิ่งประณามการโจมตีของสหรัฐและเรียกร้องให้อิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในภูมิภาค ฟิวเจอร์ส Gift Nifty 50 สําหรับดัชนี Nifty 50 ของอินเดียลดลง 0.1% บ่งชี้ถึงการเปิดตลาดที่อ่อนแอ ในขณะที่ KOSPI ของเกาหลีใต้และดัชนี Straits Times ของสิงคโปร์ลดลงระหว่าง 0.5% ถึง 0.7% สหรัฐโจมตีสถานที่นิวเคลียร์สําคัญสามแห่งของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นการเข้าร่วมอย่างเป็นทางการของอเมริกาในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ปะทุขึ้นใหม่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าการโจมตีได้สร้าง "ความเสียหายอย่างมหาศาล" และทําลายสถานที่เหล่านั้น แม้ว่าข้อมูลนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ในทันที นักลงทุนกําลังจับตาดูว่าเตหะรานจะตอบโต้การโจมตีอย่างไร จุดสนใจสําคัญคือช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสําคัญสําหรับเอเชียและตะวันออกกลาง ที่เตหะรานอาจปิดกั้น รายงานสื่ออิหร่านระบุว่าเตหะรานกําลังพิจารณาการดําเนินการดังกล่าว การปิดกั้นช่องแคบนี้จะส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักอย่างมากต่อการขนส่งน้ํามันและก๊าซไปยังหลายพื้นที่ในเอเชียและยุโรป ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจที่รุนแรงในภูมิภาค หุ้นญี่ปุ่นร่วงแม้ข้อมูล PMI แข็งแกร่ง ดัชนี Nikkei 225 และ TOPIX ของญี่ปุ่นลดลงประมาณ 0.5% เท่ากัน อ่อนแอลงแม้จะมีข้อมูล PMI ที่ดีสําหรับเดือนมิถุนายน ภาคการผลิตของญี่ปุ่นเติบโตในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนครั้งแรกในรอบ 11 เดือน เนื่องจากการเติบโตของผลผลิตและสินค้าคงคลังในประเทศช่วยชดเชยความต้องการที่อ่อนแอ ภาคบริการของญี่ปุ่นยังเติบโตในอัตราที่เร็วขึ้น บ่งชี้ว่าความต้องการในประเทศกําลังปรับตัวดีขึ้นจากค่าจ้างที่สูงขึ้น จุดสนใจในสัปดาห์นี้อยู่ที่ข้อมูลเงินเฟ้อของโตเกียวสําหรับเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ ที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินเฟ้อในประเทศ เงินเฟ้อของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทําให้นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขอบคุณข้อมูลจาก Investing.com

06-23

WikiFX2023

ราคาน้ำมันกัมพูชาขายลิตรละกี่บาท ส่วนใหญ่มาจากไทย

เปิดราคาน้ำมันกัมพูชา ขายลิตรละกี่บาท รู้แล้วจะหนาวเพราะเป็นสินค้าหลักที่นำเข้าจากต่างประเทศเกือบ 100% ที่สำคัญพึ่งพาน้ำมันไทยเป็นอันดับ 1 ด้วย! จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า กัมพูชาระงับการนำเข้าน้ำมัน และก๊าซทุกชนิดของไทยอย่างสิ้นเชิง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีศักยภาพเพียงพอในการจัดหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นๆ เช่น เวียดนาม, สิงคโปร์ และมาเลเซีย เพื่อสนองความต้องการของประชาชนในอนาคต และแน่นอนว่าประเทศกัมพูชานำเข้าวัตถุดิบปิโตรเลียม 100% จากต่างประเทศ เพราะกัมพูชาไม่ได้ผลิตน้ำมันใช้เอง ทำไมกัมพูชาไม่ผลิตน้ำมันใช้เองภายในประเทศ - เมื่อปี 2563 กัมพูชาเคยมีโครงการที่จะเริ่มผลิตน้ำมันใช้เองจากแหล่งน้ำมันดิบที่ชื่อว่า "Block A" และจะมีการขุดเจาะในอ่าวไทยเมื่อประมาณปลายปี 2563 แต่โครงการฯ กลับไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะบริษัทที่เกี่ยวข้องอย่าง KrisEnergy จากสิงคโปร์ ผู้ได้รับสัมปทานในปี 2020 ประสบปัญหาทางการเงินและล้มละลายในที่สุด ทำให้การผลิตต้องหยุดชะงัก อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่ากัมพูชาสามารถผลิตน้ำมันได้มากถึง 7,500 บาร์เรลต่อวัน แต่สุดท้ายผลิตได้แค่ 1,000 บาร์เรลต่อวันเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าเยอะมาก - ความขัดแย้งเรื่องการแบ่งรายได้ระหว่างรัฐบาลกับบริษัทต่างชาติ และถึงแม้จะมีโรงงานกลั่นน้ำมัน ผลิตน้ำมันดิบ แต่ขาดผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และการสำรวจ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญการขุดเจาะน้ำมันในทะเลลึก - การลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมใช้เงินลงทุนมหาศาล ทำให้ประเทศกัมพูชาต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจากต่างชาติเป็นหลัก - ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทยกับกัมพูชาที่มีขนาดใหญ่ถึง 16,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีศักยภาพสูง แต่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนร่วมกัน ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ - ความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาการทุจริตในประเทศกัมพูชา และอื่นๆ ที่ถูกซุกอยู่ใต้พรมอีกมากมาย ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com

06-24

Diono

การเปิดเผย การถอนเงินที่รอการดำเนินการ

โบรกเกอร์นี้ไม่จ่ายเงินถอน เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แอดมินตอบแค่กำลังซ่อมบำรุง ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน

In a week

madroño

การเปิดเผย ฉันขอถอนเงิน 100 ดอลลาร์ แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ถอนมากกว่านี้ ตอนนี้ระบบแสดงข้อความว่า 'ไม่อนุญาตให้ถอนเงินสด ถูกหักมากกว่า 10,000 หยวนต่อครั้ง'

ฉันขอให้พวกเขาถอนเงินคงเหลือและพวกเขาบอกว่ามีเพียง 100 ดอลลาร์ที่ถูกปล่อยออกมาเนื่องจากข้อผิดพลาดจากธนาคาร พวกเขาโทรมาครั้งเดียววันนี้ เพื่อบอกว่าจะโทรกลับในอีก 5 นาที กรุณาสื่อต่างๆ เช่น El Tiempo และ El Espectador อย่าเผยแพร่การหลอกลวงนี้ นี่คือเงินออมที่สะสมมาหลายปี

10-01

WikiFX2023

คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกครึ่งปีแรก “จนลง”

ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย ทุกอย่างรอบตัวขึ้นราคา ยกเว้นรายได้ที่หลายคนยังคงที่และบางคนอาจลดลง แถมยังมีความกังวลเรื่องสงครามต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไทยรัฐโพลได้ทำแบบสำรวจ “รีวิวชีวิตครึ่งปีที่ผ่านมา” ตั้งแต่วันที่ 18 - 23 มิถุนายน 2568 พบคนไทยกว่า 50% ยอมรับตนเองว่าจนลง และเกือบครึ่งบอกว่ายังต้องลุ้นกับชีวิตครึ่งปีหลัง สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ผันผวน พบว่าสุขภาพในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 38.49% ตอบว่าแย่ลง รองลงมา 36.54% บอกว่าดีขึ้น ขณะที่อีก 24.97% ตอบว่าไม่แน่ใจ แต่เมื่อถามถึงสุขภาพการเงินในกระเป๋า คนไทยเกินครึ่งตอบว่า “จนกว่าเดิม” ถึง 54.90% คนที่ตอบว่าไม่แน่ใจ คิดเป็น 24.59% และมีเพียง 20.51% ที่ตอบว่ารวยขึ้น เมื่อถามว่ามีหนี้สินเพิ่มขึ้นหรือไม่? จำนวน 31.57% ตอบว่าเพิ่มขึ้น ขณะที่ 30.63% ตอบว่าไม่มีหนี้ ส่วนคนที่ตอบว่ามีหนี้เท่าเดิมมีอยู่ 23.96% และอีก 13.84% ตอบว่าน้อยลง ในเรื่องของความรู้สึกที่มีต่อความมั่นคงในหน้าที่การงาน ผลสำรวจมีค่าเฉลี่ยที่ใกล้เคียงกัน คือคนที่รู้สึกมั่นคง อยู่ที่ 34.93% ส่วนคนที่รู้สึกไม่มั่นคง เช่น กลัวตกงาน ลดเงินเดือน ถูกตัดโอที สวัสดิการ คิดเป็น 33.68% และคนที่ตอบว่ารู้สึกไม่แน่ใจ อยู่ที่ 31.38% สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในอนาคตหน้าที่การงานของตนเอง แต่ก็อยากมองในแง่ดีอยู่ คำถามข้อสุดท้ายถามว่าในครึ่งปีหลังของปี 2568 คิดว่าชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิมไหม? พบว่าเกือบครึ่งของผู้ตอบสำรวจบอกว่า “ยังลุ้นอยู่” ถึง 48.46% ส่วนอีก 32.69% คาดหวังว่าจะดีขึ้น และอีก 18.84% มองว่าไม่ดีขึ้น ขอบคุณข้อมูลจาก Thairath

06-24

WikiFX2023

S&P 500 เคลื่อนเข้าใกล้ ATH

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดวันพุธ ( 25 มิ.ย.)โดยแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่าดัชนีอ้างอิงจะกลับสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้หรือไม่ ดัชนีตลาดโดยรวมแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยปิดตลาดที่ 6,092.16 จุด ขณะที่แนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.31% ปิดที่ 19,973.55 จุด ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 106.59 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 42,982.43 จุด ราคาหุ้นของ Nvidia ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google และผู้ผลิตชิป AMD เพิ่มขึ้น 2.3% และ 3.6% ตามลำดับ ในรอบสัปดาห์ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นมากกว่า 2% หลังจากที่อิหร่านตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ เบากว่าที่คาดไว้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การหยุดยิงที่ประกาศโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลให้หุ้นปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนโล่งใจที่ความขัดแย้งดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบทั่วโลก การเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิดขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง และการหยุดยิงในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอลดูเหมือนจะดำเนินต่อไปได้ ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้อย่างไม่มั่นคงเมื่อวันอังคาร โดยทั้งอิสราเอลและอิหร่านกล่าวหาอีกฝ่ายว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีการประกาศข้อตกลงกัน ในช่วงหนึ่งของเดือนเมษายน ดัชนี S&P 500 อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 20% โดยนักลงทุนเกรงว่าภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ จะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลแรงงานยังคงแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ แม้จะมีข้อกังวลเหล่านี้ ในด้านเศรษฐกิจ นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลการขายบ้านใหม่ ซึ่งเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ขอบคุณข้อมูลจาก Bangkokbiznews

06-26

WikiFX2023

ทองในประเทศดีดขึ้นจากเมื่อวาน 400 บ.

ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน (22 ก.ค.) บาททองคำละ 400 บาท ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก ขณะที่ระหว่างวัน ราคาทองปรับขึ้น-ลง รวม 8 ครั้ง โดยที่ราคาปิดครั้งสุดท้ายเพิ่มขึ้น 50 บาท จากราคาเปิดครั้งแรกในช่วงเช้า เมื่อเวลา 17.11 น. สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำครั้งที่ 8 ดังนี้ – ทองคำแท่ง รับซื้อบาททองคำละ 52,050 บาท ขายออกบาททองคำละ 52,150 บาท – ทองรูปพรรณ รับซื้อบาททองคำละ 51,013.40 บาท ขายออกบาททองคำละ 52,950 บาท บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ราคาทองโลกมีการปรับฐานระยะสั้น จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปิดดีลข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น พร้อมกำหนดอัตราภาษีศุลกากรสินค้าญี่ปุ่นที่ 15% จากเดิมที่ 25% และทรัมป์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นจะลงทุน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ จะได้รับผลกำไร 90% นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังกล่าวอีกว่า กำลังเจรจาหาข้อสรุปการลงทุนโครงการ LNG ระหว่างสหรัฐ-ญี่ปุ่น ที่รัฐอลาสก้า รวมถึงยังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาวว่า ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ได้เชิญทรัมป์ไปเยือนประเทศจีน และทรัมป์อาจจะไปในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทการค้า และความตึงเครียดด้านความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ อย่าง เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors) ประกาศกำไรไตรมาสที่ 2/2568 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 2,900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 2/2567 และบริษัทยังกล่าวว่าอาจมีแนวโน้มเลวร้ายลงอีกในไตรมาสที่ 3 จากผลกระทบกำแพงภาษีของทรัมป์ ขณะที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์การตัวเลข GDP ของประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในปีนี้ ลงสู่ระดับ 4.7% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 4.9% จากการที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีศุลกากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์

07-24

WikiFX2023

WTI ปิดบวก 34 เซนต์ขานรับภาคการผลิตจีนขยายตัว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (1 ก.ค.) หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน อย่างไรก็ดี นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 6 ก.ค.นี้ นักวิเคราะห์จากบริษัท Liquidity Energy กล่าวว่า ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากรายงานของไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.4 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 48.3 ในเดือนพ.ค. ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนกลับมาขยายตัวอีกครั้ง โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ซาอุดีอาระเบียจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบในเดือนส.ค.สู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนสำหรับผู้ซื้อในเอเชีย อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก โดยถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนส.ค.จำนวน 411,000 บาร์เรล/วัน ในการประชุมวันที่ 6 ก.ค. หลังจากที่มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในปริมาณดังกล่าวในเดือนพ.ค., มิ.ย. และก.ค. สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 680,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 มิ.ย. ขณะที่นักลงทุนรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าก่อนถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 9 ก.ค. ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะขยายระยะเวลาผ่อนผันการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศคู่ค้าหลังจากวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นเส้นตายที่เขากำหนดไว้ และรัฐบาลของเขาจะส่งจดหมายแจ้งไปยังประเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับภาษีที่สหรัฐจะเรียกเก็บกับประเทศดังกล่าว เว้นแต่จะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์

07-02

คลิกเพื่อโหลดเพิ่มเติม

เข้าสู่ระบบ/ลงทะเบียน

ธุรกิจ

แนวโน้ม

ผู้สร้าง

รายสัปดาห์

รายเดือน

10-06~10-12

กฎการจัดอันดับ

Octavia 小陈

77.8K

ติดตาม

GMI官方直招代理+V bee2sen(官方认证☑️)

74.4K

ติดตาม

小慧慧

72.1K

ติดตาม

羊羊EDGEMKT

44.1K

ติดตาม

婉宁小姐姐

26.5K

ติดตาม

FPGv 我baconjellyy

24.7K

ติดตาม

EcMarket总部直招

19K

ติดตาม

AnzoQQ3680617466

16K

ติดตาม

VNC

15.3K

ติดตาม

Ec markets大中华区直招

14.4K

ติดตาม

คนที่คุณอาจสนใจ

เปลี่ยน

FX1864652411

FX2041791994

FX2122415502

FX2356224379

Coach_Kwang GDH Academy

เราขอประกาศว่าเนื้อหาข้อมูลทั้งหมดที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์มเป็นของผู้ให้บริการเนื้อหาที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือได้รับอนุญาตจาก WikiFX เราปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามข้อกําหนด

สินค้าของบริษัท

การเลือกโบรกเกอร์

Broker comparison

ตามคุณสมบัติ

ถึงกฎระเบียบ

หน่วยงานยอดนิยม

สินค้าของบริษัท

การเลือกโบรกเกอร์

Broker comparison

ตามคุณสมบัติ

ถึงกฎระเบียบ

หน่วยงานยอดนิยม

สินค้าของบริษัท

การเลือกโบรกเกอร์

Broker comparison

ตามคุณสมบัติ

ถึงกฎระเบียบ

หน่วยงานยอดนิยม

สินค้าของบริษัท

การเลือกโบรกเกอร์

Broker comparison

ตามคุณสมบัติ

ถึงกฎระเบียบ

หน่วยงานยอดนิยม

กนง. ปรับเพิ่ม GDP ปีนี้โต 2.3% ห่วงศก.ครึ่งปีหลัง

คู่ค้า "กัมพูชา" คือใคร? เปิด 10 ประเทศรายใหญ่

หุ้นเอเชียดิ่งหลังสหรัฐโจมตีอิหร่าน

ราคาน้ำมันกัมพูชาขายลิตรละกี่บาท ส่วนใหญ่มาจากไทย

การเปิดเผย การถอนเงินที่รอการดำเนินการ

คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกครึ่งปีแรก “จนลง”

S&P 500 เคลื่อนเข้าใกล้ ATH

ทองในประเทศดีดขึ้นจากเมื่อวาน 400 บ.

WTI ปิดบวก 34 เซนต์ขานรับภาคการผลิตจีนขยายตัว