简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจสัปดาห์นี้
บทคัดย่อ:ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ


เหตุการณ์และตัวเลขเศรษฐกิจน่าติดตาม
วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567
- ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) ( ต.ค.) ตัวเลขคาดการ์ณ 53.4 ตัวเลขครั้งก่อน 54.9
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
- การเลือกตั้งรัฐสภา
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567
- จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ตัวเลขคาดการ์ณ 220K ตัวเลขครั้งก่อน 216K
วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2567
- การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ตัวเลขคาดการ์ณ 4.75% ตัวเลขครั้งก่อน 5.00%
- แถลงการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ
- การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของสหรัฐ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
- ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างเร็วสุดในช่วงสาย-บ่าย ของวันที่ 6 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย โดยผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินได้พอสมควร เนื่องจากในช่วงก่อนหน้า ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อาจคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมกับการครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกัน (Republican Trifecta) ทำให้ผู้เล่นในตลาดได้ทยอยเพิ่มสถานะการถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades เช่น Long USD (มองเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น) ซึ่งหากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ผิดไปจากที่ตลาดคาดหวังไว้ ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้พอสมควร ตามการปรับลดสถานะถือครองสินทรัพย์ในธีม Trump Trades (Unwinding Trump Trades) นอกจากนี้ อีกไฮไลท์สำคัญ คือ ผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ซึ่งเรามองว่า แนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงต่อเนื่อง กอปรกับทิศทางอัตราเงินเฟ้อที่จะทยอยเข้าสู่เป้าหมายของเฟด จะทำให้ เฟดสามารถทยอยลดดอกเบี้ย -25bps สู่ระดับ 4.50%-4.75% ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการส่งสัญญาณของเฟดต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต ซึ่งผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน ราว 1 ครั้ง หรือ 25bps และนอกเหนือจาก ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และผลการประชุม FOMC ของเฟด ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้เช่นกัน
- ฝั่งยุโรป – เราประเมินว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยนโยบายลง -25bps สู่ระดับ 4.75% พร้อมส่งสัญญาณทยอยเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ หลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องเข้าใกล้เป้าหมายของ BOE อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจก็เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงเช่นกัน และนอกเหนือจากผลการประชุม BOE ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของยูโรโซน รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB
- ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) โดยบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ต่างประเมินว่า RBA อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.35% จนกว่า RBA จะมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องกลับสู่เป้าหมาย 2%-3% ของ RBA ได้ ส่วน BNM อาจคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.00% เช่นกัน เนื่องจาก BNM อาจยังคงประเมินว่า ดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันนั้น คือ ระดับที่เป็นกลาง (Neutral Policy Rate) และยังคงเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจของมาเลเซีย ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Labor Cash Earnings) ซึ่งจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เนื่องจากอัตราการเติบโตของค่าจ้างระดับ +3%y/y อาจช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นอยู่แถวแถวเป้าหมาย 2% ได้ และในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดการส่งออกและนำเข้าในเดือนตุลาคม โดยยอดการส่งออกอาจขยายตัวราว +2.6%y/y ทว่ายอดการนำเข้าอาจหดตัวถึง -4.3% สะท้อนว่าความต้องการในประเทศยังคงซบเซาอยู่ แต่อาจทยอยปรับตัวดีขึ้น หลังทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา
- ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนตุลาคม ที่อาจกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย 1%-3% ได้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังนักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยขายสินทรัพย์ไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแรงขายสินทรัพย์ไทยดังกล่าวก็มีส่วนกดดันค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
FXTM
Plus500
octa
Exness
STARTRADER
ATFX
FXTM
Plus500
octa
Exness
STARTRADER
ATFX
WikiFX โบรกเกอร์
FXTM
Plus500
octa
Exness
STARTRADER
ATFX
FXTM
Plus500
octa
Exness
STARTRADER
ATFX
