简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
รู้หรือไม่? บิทคอยน์ กับ ทองคำ แตกต่างกันอย่างไร
บทคัดย่อ:บิทคอยน์และทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยบิทคอยน์มีปริมาณจำกัด 21 ล้านเหรียญ ซึ่งสร้างความมั่นใจในการคาดการณ์มูลค่า ขณะที่ทองคำไม่มีปริมาณแน่นอนเนื่องจากเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถค้นพบเพิ่มเติมได้ ทั้งสองมีวิธีการเก็บรักษามูลค่าที่แตกต่างกัน บิทคอยน์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ปลอดภัย ขณะที่ทองคำเป็นสินทรัพย์จับต้องได้ที่มีความเสี่ยงต่อการขโมย สำหรับความสะดวกในการเคลื่อนย้าย บิทคอยน์สามารถส่งไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทองคำต้องการการขนส่งทางกายภาพที่ยุ่งยาก ดังนั้นการเลือกลงทุนระหว่างบิทคอยน์และทองคำขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่นักลงทุนพร้อมรับ โดยควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดกับตนเอง

แอดเหยี่ยวมาแล้วจ้า ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเต็มๆ แบบนี้ บิทคอยน์ก็กลายเป็นดาวเด่นที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามองกันตาไม่กะพริบ แต่ในขณะเดียวกัน ทองคำสุดคลาสสิกก็ยังไม่เคยหลุดเทรนด์ไปไหน ทำให้นักเทรดหลายคนอาจแอบลังเลว่าจะเทใจให้บิทคอยน์ดี หรือจะฝากอนาคตไว้กับทอง บทความนี้ แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดทุกคนไปส่องความต่างของบิทคอยน์และการเทรดทองออนไลน์ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้อย่างเฉียบคมกว่าเดิม!
บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร?
บิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัล หรือที่เรียกว่าคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) แรกของโลก ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่ทำหน้าที่เหมือนบัญชีดิจิทัลสำหรับบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมต่าง ๆ อย่างโปร่งใสและมีความปลอดภัยสูงสุด
ความแตกต่างระหว่างบิทคอยน์และทองคำ
บิทคอยน์และทองคำเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมสำหรับนักลงทุน แต่มีลักษณะและความเสี่ยงที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน มาดูกันว่าจุดที่ทำให้ทั้งสองไม่เหมือนกันมีอะไรบ้าง
1. ปริมาณ
- บิทคอยน์: มีปริมาณจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ซึ่งกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มต้น การขุดบิทคอยน์มีความซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นช้า แต่ด้วยการกำหนดปริมาณสูงสุดไว้อย่างชัดเจน นักลงทุนจึงสามารถคาดการณ์ปริมาณได้ล่วงหน้า
- ทองคำ: ไม่มีปริมาณแน่นอน เพราะเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถค้นพบเพิ่มเติมได้ แม้อัตราการค้นพบจะลดลงเรื่อย ๆ แต่ปริมาณทองคำสำรองยังคาดการณ์ได้ยากและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
2. การเก็บรักษามูลค่า
- บิทคอยน์: ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบบันทึกข้อมูลแบบกระจายอำนาจที่มีความปลอดภัยสูง มั่นใจได้ว่าบิทคอยน์จะไม่ถูกปลอมแปลงหรือสูญหาย
- ทองคำ: เป็นโลหะมีค่าที่มีความสวยงามและทนทาน จึงได้รับความนิยมในการลงทุนและอุตสาหกรรม แม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน ทองคำยังคงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
3. ความปลอดภัย
- บิทคอยน์: ใช้บล็อกเชนเพื่อบันทึกธุรกรรมทุกครั้ง ซึ่งมีการกระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้การปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลเป็นเรื่องยากมาก การเข้ารหัสยังช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและการทำธุรกรรม
- ทองคำ: เป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ จึงสามารถเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เช่น ตู้เซฟหรือธนาคาร แต่ยังคงมีความเสี่ยงต่อการขโมยหรือสูญหาย
4. ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย
- บิทคอยน์: เคลื่อนย้ายได้รวดเร็วและง่ายดาย เพียงมีอินเทอร์เน็ตและกระเป๋าเงินดิจิทัลก็สามารถส่งบิทคอยน์ไปทั่วโลกได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่มีข้อจำกัดด้านน้ำหนักหรือขนาด
- ทองคำ: ต้องอาศัยการขนส่งทางกายภาพ ซึ่งใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกขโมยระหว่างการขนส่ง
ควรลงทุนในบิทคอยน์หรือทองคำดี?
การเลือกลงทุนระหว่างบิทคอยน์และทองคำเป็นคำถามที่ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับ หากคุณต้องการผลตอบแทนสูงและสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้ บิทคอยน์อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมพร้อมรับความผันผวนของราคาไว้ด้วย
ในทางกลับกัน หากคุณมองหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและรักษามูลค่าได้ในระยะยาว ทองคำอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะมีประวัติการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมายาวนาน
สรุป
แม้บิทคอยน์และทองคำจะเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทั้งคู่ แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะที่จับต้องได้หรือไม่ได้ ความผันผวนของราคา และปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่า ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อตัดสินใจลงทุน
การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์และศึกษาทุกด้านอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก uhas
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
HFM
AVATRADE
Plus500
Exness
D prime
Ultima
HFM
AVATRADE
Plus500
Exness
D prime
Ultima
WikiFX โบรกเกอร์
HFM
AVATRADE
Plus500
Exness
D prime
Ultima
HFM
AVATRADE
Plus500
Exness
D prime
Ultima
