จีนแบนใช้เทคโนโลยีต่างชาติ ในสำนักงานรัฐฯ ทั้งหมด

กรุงปักกิ่งได้มีคำสั่งทยอยเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีการผลิตจากต่างประเทศขณะนี้ภายใน 3 ปีโดยรายงานจาก Financial Time มีการกล่าวว่านโยบายครั้งนี้อาจจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของฮาร์ดแวร์ทั้งหมดกว่า 30 ล้านชิ้น ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของจีนและสำนักงานข้อมูลสภาแห่งรัฐไม่ได้มีการออกมาให้ความคิดเห็นใดๆ

คำสั่งนี้ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ยิ่งใหญ่กว่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองกำลังถึงจุดตึงเครียดอย่างมาก โดยทั้งสองประเทศได้มีส่วนร่วมในสงครามการค้ามาเป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว ส่วนคลื่นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯที่มีต่อสินค้าจีนนั้นจะมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แต่ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าภาษีรอบใหม่จากสหรัฐฯ ที่รวมไปถึงของใช้และของเด็กเล่นอาจจะได้รับการยกเว้น

ในขณะที่ในปีนี้นั้นสหรัฐฯ ได้มีการออกคำสั่งป้องกันไม่ให้บริษัท Huawei ยักษ์ใหญ่ของจีนนั้นเข้าถึงเทคโนโลยีของอเมริกา โดยจำกัดไม่ให้บริษัทผู้ผลิตชาวอเมริกาทำการค้ากับ Huawei

จีนมีความมุ่งมั่นในการเป็นแชมป์เทคโนโลยีระดับโลกในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยจีนมีการออกนโยบายที่เรียกว่า “Made in China 2025” ซึ่งเป็นผลมาจากการปะทะทางการค้ากับสหรัฐฯอาจทำให้จีนต้องเร่งกำหนดเวลาของปักกิ่งในการทำให้ประเทศหลุดพ้นจากเทคโนโลยีของสหรัฐฯ พึ่งพาตนเองมากขึ้น โดย นาง Jeffrey Halley นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสประจำเอเชียกล่าว มหาสมุทรแปซิฟิกมีการกล่าวว่า “ความเห็นของฉันคือ รัฐบาลจีนมีความพยายามที่จะเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างและมีความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมาก ในขณะที่อเมริกานั้นจะมีการเป็นเอกชนสูงมากกว่า ”

ในขณะเดียวกันการแบนส่วนของอุปกรณ์ซอฟ์แวร์และฮาร์ดแวร์นั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เช่น HP DELL และ Microsoft

การวิเคราะห์หลักทรัพย์ของจีนอ้างโดย FT กล่าวว่าคำสั่งดังกล่าวมาจากสำนักงานกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยจะมีการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ 30% ในปี 2020, 50% ในปี 2021 และ 20% ที่เหลือในปี 2022 ซึ่งได้รับชื่อเล่นนโยบายเป็น “3-5-2” ทั้งนี้การแทนที่ฮาร์ดแวร์ที่เรียกได้ว่าอาจทำได้ยากแล้ว แต่การแทนที่ซอฟต์แวร์ของ Microsoft หรือ Apple (AAPL) นั้นเรียกได้ว่าออาจจะทำได้ยากยิ่งกว่าในระดับที่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของจีนนั้นยังไม่ได้รับการพัฒนามากเมื่อเทียบกับของสหรัฐฯ

ในขณะที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ของจีนอย่างแบรน Lenovo (LNVGF) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของรัฐบาลจีนจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้