จีนแซงสหรัฐฯ ในฐานะประเทศที่มีอำนาจทางการทูตมากที่สุด

สำนักข่าว CNN ในฮ่องกงรายงานว่าจีนได้มีการแซงหน้าสหรัฐฯ ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีสถานทูตตั้งอยู่มากที่สุดในโลก โดยเป็นผลมาจากความทะเยอทะยานที่จะกระชับความสัมพันธ์ของกรุงปักกิ่งระหว่างชาติต่างๆทั่วโลก โดยข้อมูลมาจากสำนักข่าว Think Tank ของออสเตรเลีย ซึ่งจากการเปิดเผย Global Diplomacy Index นั้นพบว่าประเทศจีนตอนนี้มีสถานทูตอยู่ทั้งหมด 276 แห่งทั่วโลกซึ่งได้แทรงหน้าสหรัฐฯ ไปอยู่ 3 แห่งในขณะที่จำนวนทูตของทั้งสองประเทศนั้นมีจำนวนที่เหมือนกัน และประเทศลำดับที่ 3 นั้นคือฝรั่งเศสโดยมีจำนวนสถานทูตอยู่ที่ 267 แห่งทั่วโลก และตามมาด้วยญี่ปุ่นและรัสเซียเป็นลำดับถัดไป

ที่มา รายงาน CNN

ประธานาธิบดีของจีน นายสี จิ้นผิง ได้มีการสร้างชื่อเสียงในระดับสากลนับตั้งแต่มีการเข้ามารับตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2012 โดยได้มีการตั้งกรุงปักกิ่งนั้นเป็นศูนย์รวมความร่วมมือระหว่างต่างประเทศทั่วโลก ในขณะเดียวกันหนึ่งนโยบายสำคัญมากที่สุดของนายสี จิ้นผิงคือนนโยบาย Belt and Road Initative ซึ่งเป็นโครงการที่ได้มีการเสนอเงินลงทุนอย่างมหาศาลเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ประเทศพันธมิตรต่างๆมากมายเพื่อที่จะสร้างเส้นทางการค้าจากประเทศจีน โดยมีปลายทางสุดที่ยุโรป

ภาพของโครงการ Belt and Road Initative ที่มา Thaibitzchina

และในขณะเดียวกันที่จีนมีการเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์กับชาติต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อเมริกากลับมีการถอยหลัง โดยนับตั้งแต่นายทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นโยบายหลักของนายทรัมป์นั้นมุ่งเน้นไปที่การลดการใช้จ่ายในงบประมาณของกระทรวงต่างๆของสหรัฐฯ โดยความสัมพันธ์ทางทูตกับประเทศต่างๆในการนำของนายทรัมป์นั้นได้มีความเสี่ยงและมีการปั่นทอนเล็กน้อย แต่ในทางกลับกัน ประเทศจีนนั้นยังคงมีการตามหลังอย่างมากในเรื่องของจำนวนสถานทูตที่เข้ามาก่อตั้งในประเทศจีน โดยในปี 2019 สหรัฐฯมีจำนวนสถานทูตในประเทศแล้วอยู่ร่วม 342 ประเทศและมาจาก 61 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่จีนมีอยู่เพียง 256เท่านั้น ในขณะที่ปริมาณการมีสถานทูตนั้นเป็นเพียงปัจจัยเล็กๆเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่คุณภาพและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับประเทศนั้นจะเป็นตัวกำหนดความก้าวหน้าและความสัมพันธ์นานาชาติที่แท้จริง