简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ข้อคิดดีจากหนังสือ
วันนี้แอดเหยี่ยวนำบทความดีๆจากเพจ Readism มาฝากกันครับเป็นข้อคิดดี ๆ จากหนังสือที่ชื่อว่า “MONEY SCRIPT วิธีคิดที่ทำให้ชีวิตสนิทกับเงิน”
1.การประหยัดคือหัวใจสำคัญ
ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินนักธุรกิจมากมายที่บอกว่าเราควรที่จะนำเงินมาลงทุนในธุรกิจของเราเพิ่มเรื่อย ๆ เพื่อที่กิจการจะได้เติบโต แต่ถ้าเราลองทำแบบนั้นแล้วยังไม่ได้ผล และเราเองก็ไม่มีความมั่นใจเลยว่าเราจะทำแบบนั้นได้ ถ้าในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีเงินได้ก็คือการเก็บเงินครับ โดยมีผู้เชี่ยวชาญแนวหน้าด้านการวิจัยความมั่งคั่งได้ออกไปสำรวจมาแล้วว่าในจำนวนเศรษฐีกว่าหมื่นคน มีหลายคนด้วยกันที่ให้ความสำคัญกับการเก็บเงินมากกว่าการหาเงินซะอีก ซึ่งการเก็บเงินนี้เองที่เป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้พวกเขาเป็นเศรษฐีขึ้นมาได้
2.เราคือคนที่สมควรเป็นเศรษฐี
คนเราแต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป บางคนคิดบวกมาก ในขณะที่บางคนมักจะคิดลบอยู่เสมอ และความคิดเหล่านี้แหละที่ทำให้คนเรามีงเนมากน้อยต่างกัน คนที่รวยมักจะเชื่อมั่นว่าตนเองเป็นคนที่สมควรได้รับเงิน ในขณะที่คนจนมักจะคิดว่าตนเองไม่สมควรได้รับเงิน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากรวย แต่พวกเขาคิดแบบนี้โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ตัว คนรวยมักจะคิดว่าเราควรที่จะเพิ่มความรู้และพัฒนาทักษะของตนเองอยู่เสมอ เวลามีการต่อรองในเรื่องค่าจ้าง จะได้ยึดความสามารถที่มีในการต่อรอง และสามารถที่จะขายของในราคาที่เหมาะสมได้ แต่สำหรับคนจน มักจะไม่ค่อยพัฒนาความสามารถของตนเอง จึงทำให้ขาดความมั่นใจ จนไม่กล้าแม้แต่จะรับเงินที่ได้มา และอาจจะรวมไปถึงยอมให้ตนเองเสียเปรียบในเรื่องธุรกิจเพราะขาดความมั่นใจ ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญไปที่การสร้างความมั่นใจให้ตนเองให้มาก ๆ ด้วยการเพิ่มทักษะและความรู้ให้มากขึ้น เมื่อมีความมั่นใจมากขึ้น เราก็จะเริ่มยอมรับไปเองว่าเราคือคนที่สมควรจะเป็นเศรษฐีได้อย่างแท้จริง
3.หลีกเลี่ยงการคล้อยตามผู้อื่น
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ถ้าเราทำตามที่ตนเองได้ตั้งใจไว้แต่แรก็จะไม่มีปัญหา แต่ในบางครั้งเราก็อาจจะเจอกับเพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักที่มาแนะนำให้เราซื้อของแบบนั้นแบบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นอกเหนือไปจากสิ่งที่เราได้วางแผนเอาไว้ และส่วนใหญ่หากทำตามคำแนะนำของคนอื่นก็มักจะทำให้เราต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าเราคล้อยตาม เราก็จะอาจจะต้องจ่ายเงินมากกว่าที่คาดไว้ เพื่อไม่ให้เป็นแบบนั้นเราก็จะต้องตั้งสิตทุกครั้งที่ได้รับคำแนะนำจากคนอื่น ว่าถ้าเราทำตามเราได้รับผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง ถ้าคิดได้แบบนี้เราก็จะมีสติมากยิ่งขึ้น เพราะถ้ามีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมาก เราก็ไม่ควรที่จะไปทำตาม แต่ควรที่จะทำในสิ่งที่เราได้คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้มาเป็นอย่างดีแล้วจะดีกว่า
4.อย่าเป็นเจ้าหนี้
หากคุณเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนและไม่กล้าที่จะทวงเงินใคร ก็อย่าให้คนอื่นยืมเงินจะดีที่สุด เพราะถ้าเราให้ยืม ก็เท่ากับเอาเงินไปละลายน้ำ เพราะคนที่มายืมเราส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยมีเงินอยู่แล้ว โอกาสที่เขาจะหามาคืนเราได้ก็น้อย ถึงหามาได้ก็อาจจะต้องไปยืมคนอื่นมาให้เราอีก ทางที่ดีก็ไม่ควรให้ใครยืมเงินจะดีที่สุด เนื่องจากถ้าเราให้ยืมไปแล้ว คนอื่นที่รู้เรื่องก็อาจจะมาขอยืมเราบ้างก็ได้ แล้วรอบตัวเราก็จะเต็มไปด้วยคนที่มาขอยืมเงิน แล้วเงินของเราก็จะร่อยหลอไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่ถนัดในทางนี้ก็อย่าไปเป็นเจ้าหนี้ใคร
5.มองหาว่ามีใครบ้างที่กำลังเดือดร้อน
หลายคนอาจจะอยากเริ่มต้นธุรกิจหรือทำการค้าเพื่อที่จะหารายได้ ซึ่งก็อาจจะได้ผลกับใครหลาย ๆ คน แต่ก็อาจจะมีบางคนที่การค้าขายทั่วไปอาจจะไม่ตอบโจทก์มากนัก ดังนั้นเราจึงต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดซะใหม่ แทนที่จะเอาแต่จ้องหาเงินอย่างเดียว ก็ให้ลองเปลี่ยนมาเป้นว่าเราจะช่วยเหลือใครได้บ้าง มีใครบ้างที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ เช่น ถ้ามีคนกำลังงานอยู่คนเดียว แต่ไม่มีเวลาจัดทำบัญชีการเงิน เราก็อาจจะเข้าไปอาสาเพื่อทำแทน และสิ่งที่เราได้ก็คือค่าตอบแทนในรูปแบบค่างจ้าง หรือ ถ้าใครกำลังประสบกับปัญหาที่อ่านหนังสือไม่เข้าใจ เราก็ทำการอ่านและสรุปให้พวกเขาแทน ทำให้เขาเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายยิ่งขึ้น ฯลฯ ถ้าเราสามารถเห็นได้ว่าผู้คนกำลังมีปัญหาในเรื่องอะไรบ้าง แล้วเราสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ เราก็จะมีรายได้เข้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งวิธีนี้เราเองก็จะต้องใช้เวลาในการศึกษาเรื่องต่าง ๆ พอสมควร แต่ถ้าเรามีทักษะติดตัวมากมาย สิ่งเหล่านี้ก็จะมีประโยชน์ต่อเราในอนาคตอย่างแน่นอน
6.คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้
คุณอาจจะเคยคิดว่าตัวเองไม่สมควรที่จะมีเงิน หรือ อาจจะรู้สึกว่าถ้ามีเงินเยอะ ๆ แล้วจะโดนคนอื่นเกลียด การคิดแบบนี้จะทำให้เรามีพฤติกรรมในการหลีกเลี่ยงเงินโดยไม่รู้ตัว เมื่อมีเงินเมื่อไหร่ก็มักที่จะหาทางใช้เงินให้หมดไปในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่คิดที่จะเก็บเงินไว้เลย จึงกลายเป็นคนที่ไม่มีเงินเก็บ หากรู้ตัวแล้ว เราก็จะต้องกลับมาปรับความคิดของเราเสียใหม่ ว่าเราเป็นคนที่สมควรจะได้เงิน การเก็บเงินก็ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเองในอนาคต หากเราค่อย ๆ ปรับความเห็นแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ทำทุกวัน เราก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแนวคิดได้เอง และเมื่อความคิดของคุณเปลี่ยนไปเป็นแนวคิดของคนรวยแล้ว คุณก็จะเริ่มมีพฤติกรรมของคนรวยออกมาเอง แล้วก็จะกลายเป็นคนที่มีเงินเก็บมากยิ่งขึ้นโดยที่ไม่ต้องฝืนแบบแต่ก่อน
7.จงรักตนเองด้วย
การเป็นผู้ให้นั้นดี และก็ต้องไม่ลืมที่จะให้ตนเองด้วย บางคนมัวแต่ให้คนอื่น จนลืมไปว่าตัวเองก็มีความต้องการเหมือนกับคนทั่วไปเช่นกัน ถ้าเราให้แต่คนอื่นอย่างเดียว เราก็จะกลายเป็นผู้ขาดแคลนได้ ถ้าคุณโชคดีคุณก็อาจจะเจอคนที่ตอบแทนคุณในบางครั้ง แต่ถ้าคุณไปเจอกับพวกที่ชอบเอาอย่างเดียว คุณก็อาจจะโดนเอาเปรียบได้ ดังนั้นเพื่อให้การช่วยเหลือของเราเป็นไปได้อย่างราบรื่น เราจึงต้องให้ทั้งตนเองและผู้อื่นในเวลาเดียวกัน โดยอาจจะเป็นการยื่นข้อเสนอที่ได้ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เช่น การนำเงินที่ได้มาไปลงทุน แล้วตกลงกันว่าถ้าได้กำไรเพิ่มขึ้น เราก็จะแบ่งให้อีกฝ่ายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยที่เราเองก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมด้วย จึงจะเป็นการให้ที่ได้รับความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
8.คิดวิเคราะห์อยู่เสมอ
ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไร ก็ให้เราพยายามเก็บข้อมูลและจดบันทึกสิ่งสำคัญเอาไว้เสมอ เพื่อที่ในเวลาประสบความสำเร็จ เราก็จะได้รู้ว่าเราทำอะไรและมีแนวคิดแบบไหนบ้างในตอนนั้นถึงทำให้เราประสบความสำเร็จได้ และถ้าล้มเหลวเราก็จะรู้ได้ว่าทำไมเราถึงล้มเหลว การจดบันทึกจะช่วยให้เรารู้ในเรื่องเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าเรารู้ว่าอะไรที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ เราก็จะได้ทำสิ่งนั้นพร้อมกับต่อยอดเพิ่มขึ้นไปได้ และอะไรที่ทำให้เราล้มเหลวเราก็สามารถหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขปรับปรุงได้ เรื่องธุรกิจเป็นเรื่องที่จะต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ถ้าไม่ทำอะไรเลยเราก็จะไม่รู้ หากคิดจะทำธุรกิจก็ให้ทำไปเลย แล้วให้ศึกษาเรื่องของการลงทุนเพื่อเพิ่มความรู้ของเราไปด้วย ก็จะช่วยให้เราก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
9.เงินสามารถเพิ่มทางเลือกให้เราได้เสมอ
วิธีสร้างแรงจูงใจให้เราอยากจะหาเงินอีกวิธีหนึ่งก็คือ ให้เราตระหนักไว้เสมอว่า เงินสามารถมอบทางเลือกให้เรามากกว่าหนึ่งทางเสมอ ถ้าเรามีเงิน เราก็จะกล้าทำธุรกิจส่วนตัว แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงบ้างก็ตาม หรือ อาจจะกล้าเปลี่ยนงานไปทำงานในบริษัทอื่นที่อาจจะได้รับผลตอบแทนน้อยลง แต่ได้รับความสะดวกใจมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราไม่มีเงิน หรือมีเงินไม่มากพอ เราก็จะกลายเป็นคนกลัวไปทุกอย่าง จนอาจจะโดนสถานการณ์บีบคั้นให้ต้องทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงได้ ถ้าเราตระหนักแล้วว่าเงินนั้นสำคัญมากเพียงใด เราก็จะได้มีแรงจูงใจที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงินหรือบริหารงานที่มีอยู่แแล้วให้ดียิ่งขึ้นได้
10.จงสนุกกับการทำงาน
หากคุณกำลังทำงานอย่างบ้าคลั่งหรือถูกนายจ้างบังคับให้ทำงานมากเกินไป จนมีเวลานอนไม่เพียงพอ ก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่ามีชีวิตที่อิสระ หากคุณกำลังฝืนร่างกายตัวเองเพื่อทำงาน คุณก็อาจจะต้องใช้เงินที่ได้มาเพื่อมารักษาตัวเองในโรงพยาบาลแทน ถ้าเป็นแบบนี้ให้รีบหางานอื่นทำจะดีที่สุด งานอะไรก็ได้ที่คุณทำแล้วมีความสุข งานที่คุณทำแล้วสนุกไปกับมันได้เสมอ ซึ่งงานที่ทำแล้วสนุกส่วนใหญ่ก็คืองานที่ทำเพื่อคนอื่นนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ ให้ความบันเทิง ให้ความอร่อย ให้ความสุข งานเหล่านี้ล้วนสามารถทำให้เราซึ่งเป็นคนทำงานมีความสุขได้ทั้งนั้น และเราจะต้องมีเวลาในการพักผ่อนที่เพียงพอด้วย จึงจะเรียกได้ว่าเรามีอิสระและเป็นนายตัวเองได้อย่างแท้จริง และถ้าเราสนุกไปกับการทำงาน งานที่เราทำก็จะค่อย ๆ มีความก้าวหน้าขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่ต้องไปกังวลในส่วนนั้นเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก เพจ Readism
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
การลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อเพิ่มผลกำไรจากการเทรด Forex
พีระมิดการลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยง แต่ยังสร้างสมดุลให้พอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการวางแผนและจัดการพอร์ตให้เหมาะสมกับเป้าหมาย พร้อมทั้งศึกษาและเข้าใจสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างลึกซึ้ง
แม้ว่า Bitcoin และ Ethereum จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์เหมือนกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Bitcoin ถูกออกแบบมาให้เป็นทางเลือกแทนเงินสดหรือทองคำในโลกดิจิทัล มันมีโครงสร้างที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการเป็นแหล่งเก็บมูลค่า ในทางกลับกัน Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น DeFi (การเงินแบบกระจายศูนย์), NFT (สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกัน) และการใช้งานอื่น ๆ ในโลก Web3 การที่ Ethereum สามารถรองรับการเขียนโค้ดในธุรกรรมได้ ทำให้มันกลายเป็น "บล็อกเชนสำหรับนักพัฒนา" และมีความเร็วในการทำธุรกรรมที่เหนือกว่า
จิตวิทยาการเทรด หรือ Mindset คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ไม่ใช่แค่การเรียนรู้กลยุทธ์หรือการวิเคราะห์ข้อมูล แต่ยังต้องเรียนรู้การจัดการอารมณ์ ความกลัว ความโลภ และความอยากเอาชนะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจ Rande Howell นักจิตวิทยาการเทรดชื่อดัง แนะนำว่า การเปลี่ยนมุมมองต่อความล้มเหลว การควบคุมเสียงวิจารณ์ในใจ และการฝึกสมาธิ ช่วยให้เรารับมือกับความไม่แน่นอนในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเทรดที่ดีต้องบาลานซ์ทั้ง ความฉลาดทางปัญญา (IQ) และ ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพราะการเทรดไม่ใช่แค่การชนะหรือแพ้ แต่คือเกมแห่งความน่าจะเป็น ที่ต้องอาศัยสติ สมาธิ และวินัยเพื่อความสำเร็จในระยะยาว
GO MARKETS
XM
Tickmill
FP Markets
IC Markets Global
FXTM
GO MARKETS
XM
Tickmill
FP Markets
IC Markets Global
FXTM
GO MARKETS
XM
Tickmill
FP Markets
IC Markets Global
FXTM
GO MARKETS
XM
Tickmill
FP Markets
IC Markets Global
FXTM