简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เตือนภัย!! ถูกชักชวนให้ทำ “ภารกิจโปรโมทสินค้า” สุดท้ายสูญเงินหมดตัว
บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอเหตุการณ์จริงของหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อหลอกลวงทางออนไลน์ จากการสมัครงานรีวิวสินค้าในสื่อสังคมออนไลน์ โดยมิจฉาชีพใช้เทคนิคหลอกล่อผ่านระบบ “ภารกิจโปรโมทสินค้า” ซึ่งต้องมีการโอนเงินก่อนเพื่อรับค่าคอมมิชชั่น ทำให้เหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินรวมกว่า 307,250 บาท ภายในเวลาไม่กี่วัน เนื้อหาได้วิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยา สร้างความน่าเชื่อถือในช่วงแรก และบีบบังคับทางอ้อมให้เหยื่อยอมจ่ายเพิ่มเรื่อย ๆ พร้อมทั้งสรุปบทเรียนสำคัญในการป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวงบนโลกออนไลน์ โดยย้ำเตือนว่า "งานที่ดีไม่ควรเรียกเก็บเงินก่อนเริ่มงาน" และความรู้เท่าทัน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในยุคดิจิทัล

แอดเหยี่ยวอยากแชร์เรื่องราวที่อาจเกิดกับใครก็ได้ในยุคที่โลกออนไลน์หมุนเร็ว แต่ความปลอดภัยยังตามไม่ทัน เรื่องนี้เป็นประสบการณ์จริงของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่เพียงแค่ต้องการหารายได้เสริมจากการรีวิวสินค้า แต่กลับต้องสูญเงินไปถึง 307,250 บาท ภายในเวลาไม่กี่วัน

จุดเริ่มต้นของความไว้ใจ
ผู้เสียหายเริ่มต้นจากความตั้งใจดีในการหางานเสริมผ่านกลุ่มเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการรีวิวสินค้า เมื่อเธอแสดงความสนใจ ก็มีบุคคลหนึ่งทักมาหา เสนอให้ทำงานรีวิวหมวก ซึ่งดูไม่น่าสงสัยและดูเหมือนเป็นงานจริง เธอตกลงรับงานด้วยความดีใจ
จากนั้น ผู้ว่าจ้างเริ่มเสนอ “งานโปรโมทสินค้า” โดยอ้างว่าเป็นงานง่าย ๆ เพียงกดสินค้าใส่ตะกร้าในแอปชื่อดัง เพื่อช่วยเพิ่มยอดการมองเห็นสินค้า แลกกับค่าคอมมิชชั่นและโบนัส โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้สมัครต้องโอนเงินเข้าระบบก่อนเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม
วังวนของ “ภารกิจ” ที่ไม่มีวันจบ
ครั้งแรก เธอถูกขอให้โอนเงิน 3,000 บาท และได้รับเงินคืน 3,400 บาทภายในไม่กี่นาที ทำให้เชื่อว่านี่คือโอกาสในการสร้างรายได้อย่างแท้จริง
หลังจากนั้น เหยื่อถูกชักจูงให้โอนเงินเพิ่มทีละมากขึ้น โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนของภารกิจที่ต้องทำให้เสร็จจึงจะได้รับเงินต้นพร้อมค่าคอมมิชชั่นกลับคืน รายละเอียดการโอนเงินในแต่ละรอบคือ:
- ครั้งที่ 2: โอน 5,500 บาท
- ครั้งที่ 3: โอน 10,500 บาท
- ครั้งที่ 4: โอน 35,900 บาท
- ครั้งที่ 5: โอน 75,900 บาท
- ครั้งสุดท้าย: โอน 120,900 บาท
ทุกครั้ง ผู้เสียหายได้รับคำอธิบายว่า หากไม่ทำภารกิจให้เสร็จจะไม่สามารถถอนเงินได้ และหากหยุดกลางคัน เงินที่เคยโอนไปทั้งหมดจะสูญเปล่า ด้วยความเชื่อว่าหากทำต่อไปจะได้รับเงินคืนครบ เธอจึงโอนเงินซ้ำไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยอดเงินรวมสูงถึง 307,250 บาท
เมื่อเงินหมดบัญชีและไม่สามารถโอนเพิ่มได้อีก มิจฉาชีพก็ยังพยายามบีบให้หาเงินมาโอนต่อ โดยอ้างว่า “ระบบถอนเงินขัดข้อง” และยังไม่สามารถคืนเงินให้ได้ในตอนนี้
วิเคราะห์พฤติกรรมมิจฉาชีพ
จากกรณีนี้สามารถสรุปได้ว่าเป็นการหลอกลวงที่มีลักษณะคล้าย “แชร์ลูกโซ่” ผสมกับการฉ้อโกงผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้เทคนิคดังนี้:
- สร้างความเชื่อมั่นในช่วงแรก ด้วยการโอนเงินกลับมาพร้อมกำไร
- ใช้จิตวิทยาเชิงบีบบังคับ เช่น หากไม่ทำต่อจะเสียเงินที่ลงทุนไปแล้ว
- ปลอมตัวเป็นบุคคลทั่วไปในโลกโซเชียล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
- อ้างการทำภารกิจผ่านแอปจริง เพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ
สรุปบทเรียนจากเหตุการณ์
- งานที่ดีและถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ควรมีการเรียกเก็บเงินก่อนเริ่มงาน
- หากมีการขอให้โอนเงินหลายรอบ หรือมีข้ออ้างที่ไม่มีจุดจบ ควรหยุดและตั้งข้อสงสัยทันที
- อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะผู้ติดต่อมีการพูดจาน่าเชื่อถือ หรือดูเหมือนมีเจตนาดี
- ตรวจสอบข้อมูลผู้ว่าจ้างให้ละเอียด และควรสอบถามจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนตัดสินใจโอนเงิน
- หากพบพฤติกรรมเข้าข่ายหลอกลวง ควรรวบรวมหลักฐานและแจ้งความทันที
สุดท้ายนี้
เรื่องนี้อาจดูเหมือนเป็นความประมาทของผู้เสียหาย แต่แท้จริงแล้วเป็นผลจากการถูกวางกับดักอย่างแยบยลโดยมิจฉาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในการล่อลวงเหยื่อในยุคดิจิทัล การแบ่งปันเรื่องราวนี้ไม่ใช่เพื่อประณามใคร แต่เพื่อให้สังคมตระหนักรู้ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำกับใครอีก
อย่าลืมว่า “ความไว้ใจ” คือช่องโหว่สำคัญที่มิจฉาชีพใช้เล่นงานเราได้อย่างแนบเนียน
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

จากความหวังสู่ความพัง เมื่อ “Copy Trader” กลายเป็นกับดักความโลภของนักเทรด
กระแส “Copy Trader” ที่อ้างว่าสามารถคัดลอกการเทรดของมืออาชีพเพื่อสร้างกำไรโดยไม่ต้องวิเคราะห์เอง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนหน้าใหม่ แต่เหตุการณ์ล่าสุดในไทยที่มีผู้เสียหายกว่า 10 ล้านบาทจาก “โค้ชสอน Copy Trade” ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของกลยุทธ์นี้อย่างชัดเจน เพราะเบื้องหลังความง่าย อาจซ่อนความไม่โปร่งใสและการหลอกลวง นักลงทุนควรตรวจสอบใบอนุญาต ผลการเทรดย้อนหลัง และเงื่อนไขค่าบริการอย่างรอบคอบก่อนลงทุน สุดท้าย Copy Trade ไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวย แต่เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ “ความรู้ ความระมัดระวัง และวินัย” เช่นเดียวกับการเทรดด้วยตัวเอง.

เจาะลึกคดี “โค้ชก๊อปปี้เทรด” พอร์ตแตก 10 ล้าน บทเรียนราคาแพงของนักลงทุนยุค TikTok
เกิดกรณีโค้ชสอนเทรดชักชวนนักลงทุนร่วมระบบ Copy Trade โดยอ้างกำไรวันละ 5% และความเสี่ยงต่ำ สุดท้ายพอร์ตแตก สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้ตำรวจไซเบอร์และสภาทนายความอยู่ระหว่างตรวจสอบ เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระวังคำโฆษณาที่การันตีกำไร เพราะไม่มีใครควบคุมตลาดได้จริง.

ฝันร้ายซ้ำซ้อน! หุ้นทิพย์ CST Securities – VELTRIX ทำนักลงทุนสูญเงินกว่า 27 ล้าน
เกิดกรณีหลอกลงทุน “หุ้นทิพย์” ในไทย โดยแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท CST Securities และ VELTRIX เพื่อชักชวนผู้คนผ่านไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เปิดบัญชีลงทุน โดยแสดงผลกำไรปลอมเพื่อหลอกให้โอนเงินจริง ก่อนปิดกั้นการถอนเงิน ส่งผลให้ผู้เสียหายสูญเงินรวมกว่า 27 ล้านบาท เหตุการณ์นี้เป็น Hybrid Scam ที่ผสมผสานการหลอกหลายขั้นตอน ใช้ภาพลักษณ์ของบริษัทถูกกฎหมายสร้างความน่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่เตือนให้นักลงทุนตรวจสอบใบอนุญาตและชื่อโบรกเกอร์ให้ถูกต้อง ไม่โอนเงินเข้าบัญชีบุคคล และระมัดระวังต่อคำชักชวนผลตอบแทนสูงเกินจริง เพราะ “ไม่มีการลงทุนใดปราศจากความเสี่ยง”

นักลงทุนไทยโดนหนัก! โค้ชสอน Copy Trade สูญเงินกว่า 10 ล้าน
เกิดเหตุสะเทือนวงการลงทุน เมื่อกลุ่มนักเทรดไทยร้องเรียนต่อ ตำรวจไซเบอร์ สอท.1 หลังถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม Copy Trade ตามคำแนะนำของโค้ชชื่อดัง สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท โดยโค้ชอ้างการันตีกำไรวันละ 5% แต่ภายหลังกลับหายตัวไปพร้อมพอร์ตที่แตกทั้งหมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการ ฉ้อโกงทางการเงินหรือความเสี่ยงจากการลงทุนจริง ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังบริการที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง และลงทุนบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและความรอบคอบ.
