简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
รู้หรือไม่? ออมทอง VS เทรดทองต่างกันอย่างไร
บทคัดย่อ:การลงทุนในทองคำมีสองแนวทางหลักคือ ‘ออมทอง’ และ ‘เทรดทอง’ ออมทองเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสะสมทองคำระยะยาวด้วยการทยอยซื้อ มีความเสี่ยงต่ำและเริ่มต้นด้วยเงินน้อย แต่ผลตอบแทนอาจไม่สูง ในขณะที่การเทรดทองเน้นการทำกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้น มีโอกาสทำกำไรสูงแต่มีความเสี่ยงมาก นักลงทุนควรพิจารณาความรู้ เงินทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนเลือกแนวทางการลงทุน.

การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกที่นักเทรดอย่างเรานิยมกันมานาน แต่รู้ไหมว่ามีหลายวิธีให้เลือก โดยที่ฮิตที่สุดคือ ‘ออมทอง’ และ ‘เทรดทอง’ แม้ว่าทั้งสองแนวทางจะมีเป้าหมายในการทำกำไรจากทองคำเหมือนกัน แต่ก็มีจุดต่างที่สำคัญ ในบทความนี้ แอดเหยี่ยวจะพามาดูความแตกต่างของทั้งสองแบบ เพื่อช่วยให้นักเทรดเลือกวิธีที่เหมาะกับเป้าหมายและสไตล์การลงทุนของเราได้
ออมทองคืออะไร?
ออมทองเป็นการลงทุนในทองคำที่มุ่งเน้นการสะสมทองคำระยะยาว โดยผู้ลงทุนจะทยอยซื้อทองคำอย่างสม่ำเสมอ เช่น รายเดือนหรือในช่วงเวลาที่สะดวก ด้วยจำนวนเงินเริ่มต้นที่ไม่มากนักและค่อย ๆ สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การออมทองมีจุดประสงค์หลักคือการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว พร้อมทั้งช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ
ข้อดี-ข้อจำกัดของการออมทอง
| ข้อดี ของการออมทอง | ข้อจำกัด ของการออมทอง |
| เริ่มต้นง่าย: สามารถเริ่มต้นออมทองได้ด้วยเงินลงทุนน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบจำกัดความเสี่ยงต่ำ: การทยอยซื้อทองช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำสะสมทรัพย์สิน: ทองคำเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าในระยะยาว และยังสามารถเก็บไว้เป็นมรดกได้ | ผลตอบแทนไม่สูงมาก: เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว ผลตอบแทนจึงอาจไม่สูงเมื่อเทียบกับการเทรดทองสภาพคล่องต่ำ: หากต้องการขายทองคำที่สะสมไว้ อาจใช้เวลาพอสมควรในการหาผู้ซื้อหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดต้องใช้ระยะเวลานานในการลงทุน: เนื่องจากการซื้อทองคำด้วยเงินทีละน้อย การสะสมให้ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจจึงต้องใช้เวลา |
เทรดทองคืออะไร?
เทรดทองคือการลงทุนในทองคำแบบระยะสั้นที่มุ่งเน้นการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำ นักลงทุนที่เทรดทองจะใช้การวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำ เช่น สภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ย และความต้องการในตลาดทองคำ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มของราคาและเลือกซื้อขายในจังหวะที่คาดว่าจะทำกำไรได้สูงสุด
ข้อดี-ข้อจำกัดของการเทรดทอง
| ข้อดี ของการออมทอง | ข้อจำกัด ของการออมทอง |
| โอกาสทำกำไรสูง: หากสามารถวิเคราะห์แนวโน้มราคาได้แม่นยำ การเทรดทองมีศักยภาพในการทำกำไรสูงสภาพคล่องสูง: ทองคำสามารถซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนการลงทุนเป็นเงินสดได้ในเวลาสั้น ๆใช้เวลาในการลงทุนสั้น: การเทรดทองมักมีการใช้ Leverage ทำให้สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้นเมื่อเทียบกับการออมทอง | ความเสี่ยงสูง: ราคาทองคำมีความผันผวนสูง การคาดการณ์ผิดพลาดอาจนำไปสู่การขาดทุนได้ง่ายต้องใช้ความรู้และประสบการณ์: การเทรดทองต้องอาศัยความรู้เรื่องตลาดและเทคนิคการวิเคราะห์ รวมถึงการใช้งานเครื่องมือทางเทคนิค |
ออมทอง กับ เทรดทอง แตกต่างกันอย่างไร ?
| ออมทอง | เทรดทอง |
|
|
จากข้อมูลในตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่าการออมทองและการเทรดทองมีข้อแตกต่างกันหลายด้าน โดยการออมทองใช้เงินลงทุนน้อยกว่า มีความเสี่ยงต่ำกว่าเนื่องจากไม่ใช้ Leverage และต้องใช้ระยะเวลาในการลงทุนยาวนานขึ้น ในขณะที่การเทรดทองมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าหากวิเคราะห์ราคาได้แม่นยำ และใช้ระยะเวลาลงทุนสั้นกว่า
ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกลงทุน
ก่อนที่นักลงทุนจะตัดสินใจเลือกลงทุนระหว่างการออมทองหรือการเทรดทอง จำเป็นต้องพิจารณาหลายปัจจัยอย่างรอบคอบ เช่น ความรู้ความเข้าใจในการลงทุน เงินทุน ระยะเวลาที่ต้องการลงทุน และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยการเช็กลิสต์เหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนเลือกแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี
- ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทองคำการมีความรู้และเข้าใจในสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุนเป็นพื้นฐานสำคัญที่นักลงทุนควรมี หากไม่มีความรู้ในสินทรัพย์นั้น การลงทุนอาจไม่มีความแตกต่างจากการพนันเลย สำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในทองคำพื้นฐานและต้องการความเสี่ยงต่ำ การออมทองถือเป็นทางเลือกที่ดีในการเริ่มลงทุน แต่ถ้านักลงทุนมีความรู้ในทองคำมากขึ้น เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา เช่น ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค ก็สามารถเริ่มต้นเทรดทองได้
- เงินทุนเงินทุนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเริ่มลงทุน หากนักลงทุนมีเงินทุนต่ำ การเทรดทองอาจไม่เหมาะสม เนื่องจากการเทรดทองต้องการเงินทุนมากเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเครียด ดังนั้น หากนักลงทุนมีเงินทุนต่ำ การออมทองจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- ระยะเวลาที่ต้องการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนระยะสั้น การเทรดทองสามารถตอบโจทย์ได้ดี เนื่องจากสามารถปิดการลงทุนภายใน 1 วันและมีผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่ความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและไม่รีบร้อนในการลงทุน การออมทองจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่จะให้ผลตอบแทนช้ากว่าและไม่สูงเท่ากับการเทรดทอง
- ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถยอมรับได้ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลงทุน หากนักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยงหรือสามารถรับความเสี่ยงได้น้อย การออมทองจะตอบโจทย์ได้ดี เนื่องจากไม่สามารถล้างพอร์ตได้ง่าย แต่การเทรดทองมีความเสี่ยงสูงและอาจทำให้ล้างพอร์ตได้อย่างรวดเร็ว นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่สามารถรับได้ เพื่อป้องกันความเครียดที่อาจเกิดจากการลงทุน
ขอบคุณข้อมูลจาก Thaiforexreview
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
Ultima
Exness
Plus500
FOREX.com
JustMarkets
XM
Ultima
Exness
Plus500
FOREX.com
JustMarkets
XM
WikiFX โบรกเกอร์
Ultima
Exness
Plus500
FOREX.com
JustMarkets
XM
Ultima
Exness
Plus500
FOREX.com
JustMarkets
XM
