简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
ใช้งาน Divergence อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ?
บทคัดย่อ:การใช้งาน Divergence ให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นที่จะต้องมีการยืนยันจุดเข้าด้วย Multiple Factor หรือการนำสัญญาณอื่น ๆ เข้ามาช่วยในการยืนยันการกลับตัวด้วย

อินดิเคเตอร์ถือเป็นเครื่องมือในการช่วยวิเคราะห์ราคา ที่ช่วยให้นักเทรดมองเห็นรายละเอียดของกราฟได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นสัญญาณการกลับตัวอย่าง Divergence แต่ะต้องเข้าใจในหลักการทำงานของอินดิเคเตอร์และสัญญาณเหล่านั้นจริง ๆ ถึงจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้แอดเหยี่ยว มีเคล็ดลับการใช้งาน Divergence ให้มีประสิทธิภาพ มาแนะนำในบทความนี้เลยครับ
Divergence เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึง “การกลับตัว”
มีลักษณะของสัญญาณในรูปแบบของการขัดแย้งกันกับราคา หรือเคลื่อนที่ทิศทางตรงข้ามกับราคา เมื่อเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้น มีโอกาสที่ราคา จะกลับตัวหรือไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาวะของตลาดในช่วงนั้น ๆ โดยสามารถพบสัญญาณ Divergence ได้จากอินดิเคเตอร์ประเภท Oscillator และ Volume
Divergence มีกี่รูปแบบ ?
เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกลับตัวในตลาดการเงิน ซึ่งสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้
1.Divergence Bullish แบบทั่วไป
Divergence แบบทั่วไป คือ การเกิดสัญญาณที่ขัดแย้งกันระหว่างราคาและอินดิเคเตอร์ ซึ่งจะเป็นการบ่งบอกว่าราคาจะเกิดการกลับตัวในไม่ช้า เมื่อเกิดสัญญาณ Divergence ขึ้น ราคาและอินดิเคเตอร์จะมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้าม
2.Hidden Divergence
Hidden Divergence หรือ Divergence แบบแฝง คือ การเกิดสัญญาณขัดแย้งกันเหมือนกันกับ Divergence แบบทั่วไป แต่แตกต่างกันตรงที่เป็นการบ่งบอกว่าราคามีโอกาสไปต่อในแนวโน้มเดิม เมื่อเกิดสัญญาณ Hidden Divergence ขึ้น ราคาและอินดิเคเตอร์จะมีการเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงกันข้ามเหมือนเดิม

ขอบคุณรูปจาก thaiforexreview
การใช้งาน Divergence ให้มีประสิทธิภาพ
จำเป็นที่จะต้องมีการยืนยันจุดเข้าด้วย Multiple Factor หรือการนำสัญญาณอื่น ๆ เข้ามาช่วยในการยืนยันการกลับตัวด้วย
ตัวอย่างการนำ Multiple Factor มาใช้ร่วมกับ Divergence

ขอบคุณรูปจาก thaiforexreview
จากกราฟตัวอย่าง ได้มีการนำปัจจัยอื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Divergence เข้ามาช่วยในการยืนยันการกลับตัวหลังจากที่กราฟได้เกิดสัญญาณ Divergence ขึ้นแล้ว โดยสามารถที่จะแบ่งปัจจัยออกเป็น 3 อย่าง ดังนี้
1.เกิด Divergence ที่ระดับแนวต้าน
2.ราคาขึ้นไปชนแนวต้านหลัก (Main Resistance)
3.เกิด Price Action ในรูปแบบของ Tweezer Tops หรือการปฏิเสธการไปต่อของราคา (Rejection) อย่างชัดเจนใน Timeframe 4h ที่บริเวณแนวต้านดังกล่าว
ปัจจัย 3 อย่างที่เกิดขึ้นนี้ เป็นตัวช่วยอย่างดีในการยืนยันสัญญาณการกลับตัวของราคา ซึ่งปกติแล้ว การเทรด Forex จำเป็นที่จะต้องมีสัญญาณยืนยันการกลับตัวของกราฟอย่างน้อย 3 ปัจจัย ก่อนที่จะเข้าเทรด เพื่อที่จะยืนยันว่าสัญญาณที่เกิดนั้นเป็นสัญญาณจริง ไม่ใช่สัญญาณหลอก
ขอบคุณข้อมูลจาก thaiforexreview
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
D prime
IC Markets Global
Vantage
XM
VT Markets
HFM
D prime
IC Markets Global
Vantage
XM
VT Markets
HFM
WikiFX โบรกเกอร์
D prime
IC Markets Global
Vantage
XM
VT Markets
HFM
D prime
IC Markets Global
Vantage
XM
VT Markets
HFM
