简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
5 ปัจจัยที่ต้องจับตา ! ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และการประชุม FED
บทคัดย่อ:5 ปัจจัยที่ต้องจับตา ! ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และการประชุม FED

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะได้รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ พร้อมกับผลประกอบการจากผู้ค้าปลีกรายใหญ่หลายราย ซึ่งจะถูกแยกวิเคราะห์เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายของผู้บริโภคท่ามกลางแรงกดดันด้านราคาที่สูงขึ้น เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมของเดือนกรกฎาคมเช่นกัน ซึ่งรายงานได้รับการตรวจสอบเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน ยอดค้าปลีก และอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร ซึ่งคาดว่าจะปิดที่ 10% เนื่องจากเศรษฐกิจเข้าใกล้ภาวะถดถอยมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางในนิวซีแลนด์และนอร์เวย์คาดว่าจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ และนี่คือสิ่งที่ต้องรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์นี้

1.ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ สหรัฐฯ : จะเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนกรกฎาคมในวันพุธนี้ ซึ่งจะมีการจับตาดูถึงข้อมูลที่จะบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของการใช้จ่ายของผู้บริโภคหลังจากการชะลอตัวของการเติบโตในไตรมาสที่สอง นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนก่อนหน้า

(ดัชนียอดขายปลีก สหรัฐอเมริกา)
โดยราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้เกิดการชะลอตัวบางส่วน นักลงทุนจะได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ ที่หดตัวลง โดยข้อมูล จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง ในเดือนกรกฎาคมจะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคารนี้ หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนมิถุนายน ตัวเลข ยอดขายบ้านมือสอง ของสหรัฐฯ สำหรับเดือนกรกฎาคมมีกำหนดส่งมอบในวันพฤหัสบดีหลังจากร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนมิถุนายนสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี

(ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐอเมริกา)
2.รายงานการประชุมจากเฟด : เฟดจะเผยแพร่ รายงานการประชุม ของเดือนกรกฎาคมในวันพุธนี้ โดยรายงานนี้จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาได้กระตุ้นความหวังของนักลงทุนว่าธนาคารกลางจะสามารถผ่อนปรนมาตรการการเงินลงได้ รายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนกรกฎาคมได้ผ่อนคลายความกลัวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย ในขณะที่รายงานข้อมูลเงินเฟ้อของสัปดาห์ที่แล้วชี้ให้เห็นการชะลอตัวของราคาผู้บริโภครายเดือนที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973 ขณะนี้เทรดเดอร์เชื่อว่าเฟดจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินลง โดย เครื่องมือที่ติดตามอัตราดอกเบี้ยของเฟด ได้แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสมากขึ้นที่เจ้าหน้าที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 50 จุดพื้นฐานในการประชุมกันอีกครั้งในเดือนกันยายน แทนที่ 75 จุดพื้นฐานที่เคยได้ปรับขึ้นในการประชุมครั้งล่าสุดของพวกเขาถึงสองครั้ง อย่างไรก็ตามผู้กำหนดนโยบายของเฟดก็ได้ดับความหวังว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็ออกมาเตือนว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะกลับมาพุ่งขึ้นสูงอีกครั้งในเดือนที่กำลังจะถึงนี้
3.รายงานรายได้ยอดค้าปลีก : หลังจากที่เริ่มต้นปีด้วยผลงานที่ทุลักทุเลของ S&P 500 ที่ร่วงลง 20% ในครึ่งปีแรก แต่กำไรไตรมาสสองกลับมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ช่วยหนุนหุ้นสหรัฐฯ ให้ดีขึ้น ผลกำไรของ Walmart (NYSE:WMT) และ Home Depot (NYSE:HD) มีกำหนดเปิดเผยรายงานรายได้ในไตรมาสที่สองในวันอังคาร ตามด้วยรายงานจาก Target (NYSE:TGT) และ Lowe's (NYSE:{{10549|LOW}) }) โดยนักลงทุนต่างกระตือรือร้นที่จะได้ยินสิ่งที่ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ จะพูดถึงแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นและปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่กำลังดำเนินอยู่ ทั้ง Walmart และ Target ได้ลดการคาดการณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้และเตือนว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังบีบส่วนต่างกำไรและทำให้ให้ผู้บริโภคลดการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป มุมมองของผู้ค้าปลีกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะมีความสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการประเมินอัตราเงินเฟ้อ
4.ข้อมูลเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร : หลังจากคำเตือนล่าสุดของธนาคารกลางอังกฤษว่าสหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยที่จริงจังและยาวนานแล้ว นักลงทุนจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ ยอดขายปลีก และการจ้างงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมของวันพุธคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเป็น 9.8% จาก 9.4% ในเดือนมิถุนายน โดยขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดที่ 13.3% ที่ BoE คาดการณ์ไว้ในเดือนตุลาคม ข้อมูลยอดขายปลีกในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ อาจจะแสดงให้เห็นถึงหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัว โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขจะลดลง 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีหลังจากการลดลงรายปีที่ 5.8% ในเดือนมิถุนายน โดยที่ตลาดแรงงานจนถึงขณะนี้ยังคงแข็งแกร่ง มีตำแหน่งงานเพิ่มเกือบ 300,000 ตำแหน่งในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม ทำให้อัตราการว่างงานอยู่ที่ 3.8% รายงาน การจ้างงาน ล่าสุดที่ครบกำหนดในวันอังคารจะแสดงว่าโมเมนตัมนี้จะดำเนินต่อไปอยู่หรือไม่

5.การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย : ธนาคารกลางนิวซีแลนด์คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐาน ใน การประชุม ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในรอบเจ็ดปี ที่อื่น ๆ ธนาคารกลางของนอร์เวย์คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการ ประชุมกัน ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดพื้นฐานในเดือนมิถุนายน หลังจากที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อล่าสุดของประเทศอยู่เหนือการคาดการณ์ของธนาคารกลาง นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 50 จุดพื้นฐาน แต่ธนาคารกลางได้ระบุว่ามีแผนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดพื้นฐานในเดือนนี้

ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก : investing.com
คุณสามารถตรวจสอบรายละเอียดใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex อ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูลหมดไส้หมดพุง แอปเดียวที่จบครบ เรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!


ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
FXTM
STARTRADER
TMGM
Ultima
VT Markets
D prime
FXTM
STARTRADER
TMGM
Ultima
VT Markets
D prime
WikiFX โบรกเกอร์
FXTM
STARTRADER
TMGM
Ultima
VT Markets
D prime
FXTM
STARTRADER
TMGM
Ultima
VT Markets
D prime
