简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เบื้องหลังมูลค่าเหรียญคริปโตที่เติบโตมากมายนั้น เกิดขึ้นจากกลไกที่เรียกว่า “Tokenomics” หรือ “เศรษฐศาสตร์ของเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี” ในการช่วยสร้างมูลค่าให้กับมัน
รู้จัก “Tokenomics” เศรษฐศาสตร์ของคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงที่ผ่านมา กระแสของคริปโทเคอร์เรนซีนั้น ร้อนแรงเป็นอย่างมากหลังจากมูลค่าได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมหาศาลตั้งแต่ต้นปีBitcoin เคยราคาขึ้นไปมากกว่า 2,000,000 บาท Ethereum เคยราคาขึ้นไปมากกว่า 150,000 บาท แล้วเราเคยสงสัยไหมว่ามูลค่าเหล่านี้ มาจากไหน ? โดยเบื้องหลังมูลค่าเหล่านี้ เกิดขึ้นจากกลไกที่เรียกว่า “Tokenomics” หรือ “เศรษฐศาสตร์ของเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี” ในการช่วยสร้างมูลค่าให้กับมัน
แล้ว Tokenomics คืออะไร ?
จริง ๆ แล้ว มูลค่าของคริปโทเคอร์เรนซี หรือสิ่งต่าง ๆ บนโลกนั้น ถูกตั้งอยู่บนหลักเศรษฐศาสตร์พื้นฐานอย่าง Demand และ Supply เมื่อสิ่งใดมีปริมาณน้อย หาได้ยาก ตอบโจทย์ และมีคุณค่า มันจะมีความต้องการมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น ในทางกลับกัน สิ่งใดมีปริมาณมาก หาง่าย และไม่ตอบโจทย์
ความต้องการก็จะลดลง ส่งผลให้มูลค่าลดลงตามไปด้วย Tokenomics คือการนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาใช้ เพื่อช่วยให้เราเข้าใจมูลค่าของเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้น
โดยเราสามารถเข้าไปศึกษาได้จาก “Whitepaper” ของโปรเจกต์ที่เราสนใจ รวมถึงแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อื่น ๆ เพื่อทำความเข้าใจโปรเจกต์นั้นได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปใช้งานหรือลงทุนกับมันทีนี้ เราลองมาดูว่ามีเรื่องอะไรที่เราจะต้องคำนึงถึงบ้าง ? เริ่มต้นที่ “เหรียญนี้มีไว้เพื่ออะไร” ในบรรดาเหรียญที่เราอยากลงทุนนั้น เราควรมีความเข้าใจว่าเหรียญนั้น คืออะไร ใช้ทำอะไรและประโยชน์ของมันคืออะไร มีการใช้งานจริงหรือไม่ และทำไมคนถึงต้องใช้มัน
ยกตัวอย่างเช่น
Ethereum ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับ NFT แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์ม Decentralised จำนวนมาก มูลค่าของสกุลเงินบนระบบอย่าง ETH จึงขึ้นอยู่กับการเติบโตของการใช้งาน เมื่อมีการใช้งานมากจึงเป็นที่ต้องการและมีมูลค่า อีกเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ก็คือ “เหรียญนี้ มีปริมาณเท่าไร”
ก่อนอื่นก็ต้องดูว่าเหรียญที่เราศึกษานั้นมีปริมาณจำกัดหรือไม่ หรือสามารถผลิตออกมาได้เรื่อย ๆ มีการผลิตออกมาแล้วเป็นสัดส่วนเท่าไร มีกลไกในการผลิตอย่างไร มีกลไกในการควบคุมการเฟ้อหรือไม่ ปริมาณเพิ่มขึ้นหรือลดลงในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น
Bitcoin ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ใช้รักษามูลค่าของเงิน หรือช่องทางการเคลื่อนย้ายเงินที่สะดวก รวดเร็ว และมีอิสระ เปรียบเสมือนทองคำดิจิทัล มี Tokenomics ที่จำกัดปริมาณหมุนเวียนทั้งระบบอยู่ที่ 21,000,000 เหรียญ โดยปัจจุบันมีการขุดสำเร็จแล้วราว 90% และจะมีอัตราการผลิตน้อยลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ต่อมา คำถามที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ “เหรียญนี้อยู่ในมือใคร” การกระจายเหรียญถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โปรเจกต์ที่เราสนใจนั้นมีโครงสร้างในการกระจายเหรียญอย่างไรบ้าง สามารถสร้างแรงจูงใจให้ทีมงาน ที่ปรึกษา นักลงทุน พันธมิตร ชุมชน ได้หรือไม่ รวมถึงตัวเหรียญมีการปล่อยเหรียญออกมาก่อนหน้าสาธารณชนหรือไม่ หากเหรียญมีการกระจุกอยู่ที่รายใดรายหนึ่ง การเข้าควบคุมราคาหรือการชี้นำตลาดจะสามารถทำได้โดยง่าย
ยกตัวอย่างเช่น
Solana อีกหนึ่งบล็อกเชนโปรโตคอล ที่มีประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ด้วยค่าธรรมเนียมสบายกระเป๋า แต่มีโครงสร้างการกระจายเหรียญในวงแคบ โดยเน้นไปที่ทีมงาน นักลงทุน และพันธมิตรเป็นหลัก นอกจากนั้น เราก็ควรดูว่า “เหรียญนี้ มีความสามารถในการแข่งขันไหม” อีกหนึ่งจุดชี้เป็นชี้ตายที่อธิบายได้ว่าเหรียญนี้ควรมีมูลค่าเท่าไร คือความสามารถในการอยู่รอดและแข่งขัน บนโลกที่ไร้ศูนย์กลางและมีการแข่งขันอย่างเสรี จริงอยู่ว่ามันจะมีโปรเจกต์ดาวรุ่งดวงใหม่เกิดขึ้นมา แต่มันก็จะมีดวงดาวที่ลับขอบฟ้า ในเวลาเดียวกัน เราจึงควรศึกษาว่าโปรเจกต์ที่เราสนใจ มีความสามารถพอที่จะแข่งขันในระยะยาวหรือไม่
ใครเป็นคู่แข่ง และใครจะเป็นผู้ชนะ ยกตัวอย่างเช่น
Binance กระดานเทรดคริปโทเคอร์เรนซี แม้จะไม่ได้เก่าแก่ที่สุดและมีอายุเพียงแค่ราว 4 ปี แต่สามารถแซงหน้ากระดานเทรดชั้นนำอื่น ๆ ขึ้นมาเป็นกระดานเทรดอันดับ 1 ที่มีผู้ใช้งานจากทั่วทุกมุมโลกได้ ในขณะที่บางโปรเจกต์ แม้จะวางแผนโครงการไว้แล้ว แต่ไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมาย หรือไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดหวังเอาไว้ ความสามารถในการแข่งขันและความดึงดูดจะน้อยลงตามไปด้วย หลักการทั้งหมดที่เล่ามานั้น ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้เราทำความรู้จักและเข้าใจในกลไกและความเสี่ยงของตัวเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่เราสนใจ ซึ่งนับเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญที่เราควรเข้าใจก่อนที่เราจะเริ่มต้นไปข้องเกี่ยว ใช้งาน หรือแม้แต่นำเงินของเราเข้าไปลงทุน..
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
FOREX.com
FxPro
XM
Tickmill
HFM
FBS
FOREX.com
FxPro
XM
Tickmill
HFM
FBS
FOREX.com
FxPro
XM
Tickmill
HFM
FBS
FOREX.com
FxPro
XM
Tickmill
HFM
FBS