简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ตอนนี้ต้องยอมรับว่า กระแสของรัฐบาลหลายประเทศกำลังหาทางใช้ประโยชน์จากการที่ผู้คนลงทุนในตลาดคริปโตเคอร
ตอนนี้ต้องยอมรับว่า กระแสของรัฐบาลหลายประเทศกำลังหาทางใช้ประโยชน์จากการที่ผู้คนลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่มากขึ้น โดยที่ประเทศออสเตรียนั้น ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐเริ่มเห็นประโยชน์ตรงนี้ โดยอาจมีการเก็บภาษีจากการลงทุนในคริปโตเช่นเดียวกับหุ้นและพันธบัตรมากขึ้น
รัฐบาลออสเตรียใช้ประโยชน์ตรงนี้ในการเก็บภาษีคริปโต
คาดว่าการเดินเกมของภาครัฐตรงนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการเข้ามาลงทุนมากขึ้น รวมไปถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดคริปโตมากขึ้น
ในกรุงเวียนนาผู้คนเริ่มเข้ามาลงทุนในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่มากขึ้น โดยเฉพาะเหรียญบิทคอยน์ มีการประเมินว่า ประชาชนประมาณ 27.5 % ได้มีการลงทุนในสินทรัพย์คริปโตแทนที่หุ้นกับพันธบัตรมากขึ้น ทำให้ทางรัฐบาลเริ่มวางมาตรการที่จะทำการเก็บภาษีซื้อขายคริปโตในช่วงปีหน้า
นักลงทุนหน้าใหม่เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตทั่วโลก ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะสามารถเก็บภาษีตรงส่วนนี้ได้จำนวนมหาศาล จากรายงานของสำนักข่าว Bloomberg ได้ชี้ว่า ตอนนี้มูลค่าของตลาดคริปโตทั้งหมดคิดเป็นเงินราว ๆ $3 ล้านล้านด้วยกัน และคาดว่ายังมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชี้อาจมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่
ทางด้านกระทรวงการคลังของออสเตรียได้มีการแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตอนนี้การร่างกฎหมายคริปโตนั้นมีความไม่สมดุลเมื่อเทียบกับร่างกฎหมายว่าด้วยหุ้นและพันธบัตร โดยรัฐบาลยังคงยืนกรานว่า ออสเตรียจะมีการปรับโครงสร้างการเก็บภาษีใหม่ โดยจะเป็นประเทศแรกใน EU ที่จะดำเนินการเรื่องนี้กับทางนักลงทุน
เช่นกันทางหน่วยงานรัฐได้มีการระบุว่า ในการปฏิรูปภาษีนั้น ทางหน่วยงานจะปฏิบัติกับประชาชนอย่างเท่าเทียมกันเพื่อเป็นการลดช่องว่างของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันหรืออคติที่มีต่อการใช้เทคโนโลยีใหม่ และให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบริการซื้อขายคริปโตได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ