โบรกแนะ 4 หุ้นเติบโต-ปัจจัยหนุนแต่ละหุ้นช่วงโควิด

โดย วณิชชา สุมานัส

Investing.com - บรรยากาศการลงทุนใน ตลาดหุ้นไทย (SET) ภาคเช้าวันนี้ ปิดทำการเมื่อเวลา 12.30 น. ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.57 จุด แตะ 1,551.85 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,477.25 ล้านบาท โบรกมองหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้เล็กน้อยระหว่างวัน แนะลงทุนในหุ้นระยะกลางและยาวยังเติบโต โดยเฉพาะที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวเพื่อรับมือกระแสทุนไหลออก

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ชี้ว่า รายงานการประชุม FED เมื่อวันที่ 27-28 กรกฎาคมเปิดเผยออกมาเมื่อคืนวันพุธ มีการพูดถึงเรื่อง QE Tapering ค่อนข้างชัดเจน และสมาชิก Fed ส่วนใหญ่ คาดว่า การลดวงเงิน QE จะเริ่มขึ้นภายในปีนี้ ความเห็นดังกล่าว เป็นปัจจัยกดดันบรรยายกาศการลงทุนต่อตลาดหุ้นเอเชียและยุโรป ทำให้ตลาดหุ้นทั้งสองภูมิภาค ปรับฐานค่อนข้างแรง เนื่องจากความกังวลว่า สภาพคล่องในระบบการเงิน มีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะถัดไป

หุ้น 4 ตัวที่แนะนำได้แก่

• ADVANC โดยมีแนวต้านทางเทคนิค 186.00 บาท โดยยังคงมุมมองบวกระยะกลางถึงยาวต่อการเติบโตของบริษัท หลัง GULF ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH ส่งผลให้ทิศทางกลยุทธ์ของบริษัทคาดว่าจะเน้นเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งการเปิดมูลค่าสินทรัพย์เพื่อส่งผ่านมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น

• GULF แนวต้านทางเทคนิค 39.00 บาท ประเมินว่าหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะจะกว่าหุ้นอื่น ๆ ในตลาด ภายใต้บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกที่ผันผวน หลังเฟดส่งสัญญาณเตรียมชะลอโครงการ QE ในช่วงที่เหลือของปี ส่งผลให้ค่าเงินดัชนีเงินดอลลาร์แข็งค่า และเกิดแรงขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

• NRF โดยมีแนวต้านทางเทคนิค 9.00 บาท โดยคาดกำไรในไตรมาส 3 ปีงบ 2564 ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ปีงบ 2564 จากแรงหนุนของเงินบาทอ่อนค่า ส่วนธุรกิจที่ผลิตจากพืชอยู่ระหว่างเจรจาทำ OEM ให้บริษัทรายใหญ่ในไทยอย่างน้อย 2 รายขณะที่ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซจะมีดีลเข้าซื้อกิจการบน Amazon ด้วยเช่นกัน

• CRC โดยภาพทางเทคนิคแล้ว แนวต้ายอยู่ที่ 32.50 บาท ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 32.50 บาท แนวรับ 31.25 บาท และสต็อปลอสต์หากต่ำกว่า 30.25 บาท ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาสที่ 3 3 ปีงบ 2564 คาดเป็นจุดต่ำสุดจากผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด อย่างไรก็ตาม คาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปีงบ 2564 และกลับมาเติบโตในปี 2565 ที่จะได้ประโยชน์เต็มที่จากการฟื้นตัวของภาคบริโภค และประสิทธิภาพด้านต้นทุนที่ดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กรในช่วงโควิด-19 ระบาด