简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ผอ.สถาบัน AFRIMS ออกโรงโต้รายงานชี้ "ห้องทดลองเชื้อโรค" ใหญ่ที่สุดในโลก ซ่อนอยู่ในกรุงเทพฯ ท่ามกลางความสงสัย สหรัฐ - ไทย กำลังร่วมมือวิจัยวัคซีนสู้โควิด
ตามที่มีการพูดถึงในโซเชียลมีเดียว่า สหรัฐพยายามกล่าวโทษสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจากห้องปฏิบัติการทดลองในเมืองอู่ฮั่น ขณะที่จีน และองค์การอนามัยโลก (WHO) สงสัยเชื้อโรครั่วไหลจากรัฐแมรี่แลนด์ และชี้ว่า ห้องแล็บเชื้อโรคใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่กรุงเทพฯ
'พันโท แบรนดอน แมคคาร์เตอร์' รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า กวา่ 60 ปีที่ผ่านมา กองทัพบกสหรัฐอเมริกาและกองทัพบกไทย ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร (AFRIMS) ในการต่อสู้กับโรคเขตร้อนต่างๆ
เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการเผยแพร่เอกสารเท็จและบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายชื่อเสียงของสถาบัน และกล่าวหานักวิทยาศาสตร์ชาวไทยและสหรัฐหลายร้อยคนที่ปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพและอุทิศตนในสถานบันแห่งนี้ ขอชี้แจงว่า สถาบัน AFRIMS เป็นสัญลักษณ์ความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิผลและมีความสำคัญอย่างยิ่งระหว่างสหรัฐ และไทย ซึ่งการดำเนินงานที่นี้ ได้ช่วยชีวิตหลายร้อยล้านชีวิต ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
การทำงานร่วมกันแบบทวิภาคีในสถาบัน AFRIMS ไม่เพียงแต่ยกระดับเป้าหมายด้านสุขภาพของไทย และสหรัฐ เท่านั้น แต่ยังช่วยผลักดันเป้าหมายดังกล่าวในทั่วโลกด้วยความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ในภูมิภาค
สำคัญที่สุดคือ อาคาร สถานที่ตั้ง ห้องปฏิบัติการของเรามีมาตรฐานความปลอดภัยสูง และการวิจัยที่สถาบัน AFRIMS ล้วนมุ่งเน้นการต่อสู้กับโรคประจำถิ่นในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาลาเรีย ไข้เลือดออก ไข้ชิคุนกุนยา ไข้ซิกา ไข้สมองอักเสบเจอี และเชื้อเอชไอวี
ส่วนความร่วมมือที่เป็นงานวิจัยร่วมกัน ได้ช่วยให้เราพัฒนาวัคซีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการวินิจฉัยและการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งได้รักษาชีวิตของคนหลายล้านคนทั่วโลก และเราจะยังคงดำเนินภารกิจดังกล่าวต่อไป ตัวอย่างเช่น เรากำลังสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มว่า มีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลต่อการพัฒนาวัคซีนโควิด-19ภายในประเทศต่อไป
ความร่วมมือนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า สหรัฐมุ่งมั่นที่จะยืนหยัดเคียงข้างประเทศไทยจนกว่าจะเอาชนะโรคระบาดใหญ่นี้ได้
ตลอดระยะเวลาการดำเนินการของเรา สถาบัน AFRIMS เป็นศูนย์ความร่วมมือหลักของ WHO และภายใต้กลไกดังกล่าว
กองทัพบกของไทยและกองทัพบกสหรัฐ ได้ตอบโต้การระบาดของโรคต่างๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียน การสนับสนุนของสถาบัน AFRIMS ช่วยสร้างความมั่นใจว่า ไทยจะยังคงเป็นผู้นำในด้านสาธารณสุข และการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน
ทุกสิ่งที่ทางสถาบันได้ดำเนินการนั้น อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายไทย และสหรัฐ เพื่อรักษามาตรฐานสูงสุดของห้องปฏิบัติการ ทำให้สถาบัน AFRIMS เป็นหนึ่งในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก สถาบันมีหน่วยงานดูแลห้องปฏิบัติการที่ทำงาน
อย่างแข็งขันเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ห้องปฏิบัติการ สิ่งส่งตรวจ พนักงาน และสาธารณชน มีความปลอดภัย และได้รับการรักษาความปลอดภัยตลอดเวลา
สหรัฐตระหนักดีถึงบทบาทที่สำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งปลอดภัยและเคร่งครัด ดังที่นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยและ อเมริกันร่วมมือกันที่สถาบัน AFRIMS ในการช่วยให้เราทุกคนปลอดภัย
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ระบบโลจิสติกส์ ของโลกที่สะดุดจากโควิด-19ระบาด ทำให้การขาดแคลนอาหารพุ่งสูงโดยเฉพาะสหรัฐฯ โดยสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ระบุว่า ความต้องการสินค้าเกษตรกลุ่มอาหารมีสูงขึ้นมากอย่างไมเคยพบมาก่อน
วุฒิสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบต่อร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และสร้างงานครั้งใหญ่ให้แก่ชาวอเมริกัน
วุฒิสภาสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 67 ต่อ 27 เดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปสู่การผ่านความเห็นชอบในขั้นสุดท้าย
กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.24 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้