ดอลลาร์พุ่งขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันตัวเลขเศรษฐกิจ

การจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 559,000 อัตราในเดือนพฤษภาคมตามรายงานการจ้างงานของสหรัฐในวันศุกร์ ซึ่งต่ำกว่า 650,000 ที่คาดการณ์โดย Investing.com แต่สูงกว่าตัวเลข 278,000 ในเดือนเมษายน

อัตราการว่างงาน ของเดือนพฤษภาคมดีเกินคาดที่ 5.8% และช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะลดสัดส่วนลงเร็วกว่าที่คาด

“ตัวเลขการจ้างงานเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ ที่อ่อนตัวลงเกินคาดเล็กน้อย เป็นตัวกำหนดทิศทางสำหรับสัปดาห์หน้า นี่ถือเป็นข้ออ้างสำหรับเฟดที่จะกล่าวว่าความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายยังไม่บรรลุผลและยืดระยะเวลาการหารือกันต่อไปอีกสักระยะ” นักวิเคราะห์ของ ING Bank กล่าวในรายงาน

ความกังวลดังกล่าวผลักดันให้มีการเทขายดอลลาร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของเฟดจะยืนยันว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากโควิด ยังคงมีหนทางอีกยาวไกล และพวกเขาคาดว่าจะคงนโยบายในปัจจุบันเอาไว้ก่อน

ขณะนี้ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่ตัวเลข ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ตัวเลขดังกล่าวอาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฟด เนื่องจากเป็นการวัดแรงกดดันด้านราคาในปัจจุบัน ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดอาจหมายถึงการอ่อนค่าต่อไปสำหรับสกุลเงินสหรัฐ

นักลงทุนยังคงรอการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดี ขณะที่การประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายนจะมีขึ้นในวันที่ 15-16 มิ.ย. โดยจะเน้นไปที่ว่า ECB จะเริ่มลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตรหรือไม่

รายงานของ ING ระบุว่า “ถึงแม้ค่าเงินดอลลาร์จะสามารถทรงตัวหลังจากสหรัฐประกาศตัวเลข CPI และนโยบายของ ECB ยังไม่เปลี่ยนแปลง เงินดอลลาร์ก็ยังตกอยู่ในความเสี่ยงจากผลการประชุมของ FOMC”

“ECB อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แนวโน้มอาจค่อย ๆ ดีขึ้นและสภาพการเงินยังคงเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม” นักวิเคราะห์ของ Rabobank กล่าวในรายงาน

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความมุ่งมั่นที่จะประนีประนอมของสมาชิกหลายท่าน ซึ่งเปิดทางไปสู่การหารือในที่ประชุม อันอาจส่งผลให้การซื้อพันธบัตรชะลอตัวลงเล็กน้อย