简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เปิดฉาก'ดีเบต'ชิงประธานาธิบดีสหรัฐ โดยการดีเบตปีนี้แตกต่างจากปีก่อนเพราะโควิดระบาด คู่แข่งจึงไม่มีโอกาสจับมือกันบนเวทีและต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชมด้วย
การโต้วาทีทางสถานีโทรทัศน์ระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐ เวทีแรกจาก 3 เวทีเปิดฉากขึ้นแล้วที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ เมื่อคืนวันอังคาร (29 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น งานนี้ได้คริส วอลเลซ ผู้สื่อข่าวจากฟอกซ์นิวส์มาเป็นผู้ดำเนินรายการความยาว 90 นาที ที่ปีนี้แตกต่างจากปีก่อนเพราะโควิดระบาด คู่แข่งจึงไม่มีโอกาสจับมือกันบนเวทีและต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชมด้วย
ตั้งแต่เวทียังไม่เริ่ม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 74 ปี กับอดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน วัย 77 ปี ก็กล่าวหากันอย่างดุเดือดแล้ว ทรัมป์เรียกคู่แข่งว่า คล้ายๆ เป็นคนสมองตาย “ไบเดนไม่รู้ตัวว่ายังมีชีวิตอยู่” ส่วนไบเดนเรียกทรัมป์ว่าเป็นพิษภัย แสวงหาประโยชน์จากความรุนแรง
การดีเบตครั้งแรกเกิดขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวันจันทร์ (28 ก.ย.) ว่าในปี 2559 และ 2560 ประธานาธิบดีทรัมป์เสียภาษีเพียง 750 ดอลลาร์เท่านั้น และช่วง 15 ปีที่ตรวจสอบทรัมป์ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ให้รัฐบาลกลางเสีย 10 ปี เรื่องนี้สำคัญมากต่อทรัมป์ที่วาดภาพตนเองว่าเป็นนักธุรกิจผู้ทำงานหนัก เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงในทำเนียบขาว ซึี่งเจ้าตัวไม่ได้สนใจรายงานของไทม์ส ที่ตรวจสอบประวัติการขอคืนภาษีของตน
“สื่อเฟคนิวส์ ก็เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2559 นั่นล่ะ ใช้วิธีการผิดกฎหมายหาข้อมูลมาเขียนเรื่องภาษีและเรื่องราวไร้สาระของผม” ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวันจันทร์
ผลสำรวจความคิดเห็นจากหลายสำนักเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ย.) ชี้ว่า ไบเดนมีคะแนนนำ เมื่อถูกเปิดโปงเรื่องเลี่ยงภาษี ทรัมป์จึงต้องเป็นฝ่ายตั้งรับในการดีเบตเวทีแรก โพลจากวอชิงตันโพสต์/เอบีซีนิวส์ สำรวจจากผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งทั่วประเทศ พบว่า ไบเดนมีคะแนนนิยม 53% ทรัมป์ 43%
ขณะที่โพลของเอ็นบีซีนิวส์-มาริสต์ ไบเดนนำทรัมป์ 55% ต่อ 44% ในวิสคอนซิน รัฐที่คะแนนผันผวน และทรัมป์เคยชนะเมื่อปี 2559
โดยปกติผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตรายนี้มักโจมตีทรัมป์เรื่องการจัดการโควิดระบาดผิดพลาด และการเร่งตั้งผู้พิพากษาศาลฎีกาแทนรูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้ล่วงลับ แต่รายงานของนิวยอร์กไทม์สทำลายอัตลักษณ์ทางการเมืองสำคัญของทรัมป์ที่เจ้าตัวอวดว่า เชื่อมต่อกับผู้ใช้แรงงานได้ เมื่อมีรายงานออกมาทีมหาเสียงของเดโมแครตก็เล่นงานประธานาธิบดีทันทีออกโฆษณาเปรียบเทียบการจ่ายภาษีของคนอเมริกันทั่วๆ ไป เช่น พยาบาลเสียภาษี 10,216 ดอลลาร์ แต่ทรัมป์เสียภาษีในปีที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 750 ดอลลาร์เท่านั้น
การแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นทุกขณะ ชวนให้คนทั้งโลกต้องจับตา สิ่งที่คู่แข่งต้องงัดมาสู้กันคือนโยบายที่จะโดนใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง วอลล์สตรีทเจอร์นัลเปรียบเทียบนโยบายสำคัญของทรัมป์และไบเดนไว้ดังนี้
นโยบายด้านเทคโนโลยี
ไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย. ก็คาดว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต้องถูกตรวจสอบเหมือนๆ กัน รัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มคงหรือเร่งนโยบายตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยีอย่างกว้างขวาง เหมือนที่เคยทำมาแล้วในสมัยแรก เช่น กล่าวหาว่าโลกออนไลน์เสนอแนวคิดต่อต้านอนุรักษนิยมอย่างมีอคติ สอบสวนการผูกขาดของยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตอย่างกูเกิลและเฟซบุ๊ค เล่นงานแอพพลิเคชันที่จีนเป็นเจ้าของ เช่น ติ๊กต็อกและวีแชต
ส่วนไบเดนก็วิจารณ์อำนาจต่อตลาดของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ แถมยังสนับสนุนตรวจสอบต่อต้านการผูกขาดและระเบียบความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้นด้วย
นโยบายภาษี
เป็นนโยบายที่แตกต่างกันมาก ประธานาธิบดีทรัมป์หาเสียงจะเดินหน้ากฎหมายที่รัฐบาลของเขาประสบความสำเร็จมากที่สุด นั่นคือกฎหมายภาษี 2560 ที่ลดภาษีภาคธุรกิจและปัจเจกชน พร้อมๆ กับขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น ด้านไบเดนเสนอให้ขึ้นภาษีบริษัทและมหาเศรษฐีเพื่อเอาเงินมาทำโครงการด้านสังคม
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
'ทรัมป์'ส่งสัญญาณลงชิงเก้าอี้ปธน.ปี 67 ย้ำไม่ได้แพ้เลือกตั้งที่ผ่านมา
“โดนัลด์ ทรัมป์” รอดการไต่สวนถอดถอนรอบ 2 พ้นข้อกล่าวหาปลุกม็อบบุกสภา
"โจ ไบเดน" เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ ซึ่งไม่ได้ราบรื่นเท่าใดนัก เนื่องจากผู้แพ้ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อผลการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับมรดกที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" ทิ้งไว้ให้อีกมาก
ปธน.ทรัมป์ กล่าวอำลาตำแหน่ง ก่อนออกจากทำเนียบขาว ย้ำได้ทำในสิ่งที่ต้องการมาทำ และทำกว่านั้นมาก ขณะที่คะแนนนิยมตอนพ้นตำแหน่ง เหลือเพียง 34% เท่านั้น