นักลงทุนแห่ซื้อหุ้น ส่งผลให้ ราคาทอง “ร่วง” อย่างรุนแรง

เมื่อวันพุธที่ 2 กันยายน ราคาทองคำปิดร่วงลงเกือบ 2% เนื่องจากถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งดัชนีดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้น 0.5% แตะ 92.775 ส่งผลให้สัญญาณทองคำมีราคาแพงขึ้น

ส่วนสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ดิ่งลง 34.20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7% ปิดที่ 1,944.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

บรรดานักลงทุนพากันซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นหลังจากการเผยตัวเลขภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐส่งผลช่วยให้นักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ ระบุว่า“ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว จากระดับ 54.2 ในเดือนกรกฎาคม และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 54.5และหากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงสภาวะขยายตัวโดยขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในขณะที่ได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน”

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 4.791 ล้านตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% โดยต่ำกว่าระดับ 11.1% ในเดือนมิถุนายนและต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6% อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์ที่ 4 กันยายนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนสิงหาคม

สำหรับราคาทองก็ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลาหลายปี และบรรดานักลงทุนยังคงจับตามองตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ต่อไป

นักลงทุนสามารถติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน WikiFX และยังสามารถติดตามบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ Forex รวมถึงปฏิทินทางเศรษฐกิจได้ทางแอปพลิเคชันอีกด้วย