简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:“โควิด-19” หรือที่รู้จักกันในนามไวรัสโคโรนายังคงแพร่ระบาดต่อไปในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก ล่าสุดยอดจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการยืนยันแล้วมีอย่างน้อย 55,231 รายและมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 801 คน เพื่อที่จะควบคุมโรครัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีมาตรการปิดเมือง ในหลายๆ รัฐสำคัญไม่อนุญาตให้ประชาชนออกไปรับประทานอาหารข้างนอกแต่อนุญาตให้เพียงซื้อกลับบ้านหรือให้ทางร้านไปส่งที่บ้านเท่านั้น ในขณะที่ตลาดหุ้นยังคงต้องผ่านมรสุมไวรัสโคโรนาไปและเดือนมีนาคมนี้คงจะสามารถือได้ว่าเป็นฝันร้ายของตลาดหลักทรัพย์แล้วหุ้นบางตัวกลับสามารถยืนอยู่ได้และมีแนวโน้มว่าจะรอดจากมรสุมโรคระบาดในครั้งนี้ ในบทความนี้เราได้นำหุ้นทั้ง 3 ตัวนั้นมานำเสนอแก่คุณผู้อ่าน
โดมิโนพิซซ่า (NYSE:DPZ) เป็นที่รู้จักกันดีในสหรัฐฯ ในฐานะบริษัทผู้ส่งพิซซ่าเป็นหลักของธุรกิจมากถึง 55% ยิ่งสถานการณ์ไวรัสระบาดในปัจจุบันที่บีบให้มนุษย์จำเป็นต้องอยู่กับบ้านยิ่งทำให้ยอดสั่งซื้อพิซซ่าของบริษัทพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในช่วงครึ่งเดือนล่าสุดหุ้นโดมิโนพิซซ่าปรับตัวสูงขึ้น 22% มีราคาปิดเมื่อคืนนี้อยู่ที่ $343.56 และมีมูลค่าทางการตลาดทั้งหมดอยู่ที่ $1,340 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดมิโนพิซซ่ามีสาขาอยู่มากถึง 17,000 ร้านในประเทศมากกว่า 90 ประเทศทั่วโลก เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ทางบริษัทจึงได้ออกบริการที่มีชื่อว่า “เพียงโทรมาเราส่งฟรี” ซึ่งสามารถใช้บริการได้ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เช่นอินเดีย สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และออสเตรเลีย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบริษัทได้ประกาศว่าจะจ้างพนักงงานเพิ่มอีก 10,000 คนเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเพื่อรองรับปริมาณยอดสั่งซื้อพิซซ่าที่เพิ่มมากขึ้นอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากไวรัสโคโรนากระทบภาคบริการจนร้านอาหารหรือภัตตาคารจำเป็นต้องหยุดให้บริการลดและปลดพนักงานออกเป็นจำนวนมากเพื่อรักษาธุรกิจเอาไว้
นายริทต์ อลิสัน CEO ของบริษัทได้กล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาว่า “บริษัทและเฟรนไชส์ของเราไม่ใช่แค่เฉพาะการปรุงอาหารให้ผู้คนรับประทานเท่านั้นแต่เรายังพร้อมที่จะมอบโอกาสและสร้างงานให้กับเพื่อนมนุษย์ในยามที่วิกฤตมาเยือนพวกเราทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วงการร้านอาหารกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วง”
2. Blue Apronบริษัทเจ้าของธุรกิจขาย “ชุดทำอาหาร” ให้ลูกค้านำไปประกอบอาหารเองที่บ้านนาม “ผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงิน (Blue Apron)” (NYSE:APRN) ถือเป็นธุรกิจทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับชาวอเมริกันให้สามารถประกอบหารทานเองที่บ้านได้ในช่วงเวลาที่การออกไปยังสถานที่ต่างๆ ถูกจำกัด
ถึงแม้ว่าอังคารที่ผ่านมาหุ้นของ Blue Apron จะร่วงลง 15% แต่เดือนนี้หุ้นของบริษัทสามารถทะยานขึ้นสูงถึง 260% ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนา เมื่อคืนวัน
อังคารหุ้นของ Blue Apron มีราคาปิดอยู่ที่ $10.36 และมีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ $137.45 ล้านเหรียญสหรัฐ
CEO ของบริษัทนางลินดา คอสโลวสกี กล่าวเมื่อวันที่ 19 มีนาคมว่า “เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอัตราความต้องการชุดทำอาหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและเราเชื่อว่าในสัปดาห์นี้ยอดสั่งชุดทำอาหารจะต้องเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นเรากำลังมองหาช่องทางเพิ่มความเป็นไปได้ในการรองรับยอดการสั่งชุดทำอาหารในอนาคต ข่าวดีก็คือเราน่าจะสามารถทำเช่นนั้นได้ในวันที่ 30 มีนาคมที่กำลังจะถึงนี้”
อย่างไรก็ตามนักลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวังในการลงทุนกับ Blue Apron ด้วย เชื่อว่าถ้าหากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติเมื่อนั้นหุ้นของผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินก็น่าจะกลับเข้าสู่แนวโน้มปกติด้วยเช่นกัน ก่อนการทะยานขึ้นครั้งนี้ หุ้นของ Blue Apron เคยร่วงลงมากถึง 98% ในปี 2018 ราคา IPO ของบริษัทร่วงลงสู่ $2 ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เพราะอัตราการเติบโตทางผลกำไรออกมาน่าผิดหวัง
3. Chewyบริษัท e-commerce ชื่อดังซึ่งเคยเป็นเจ้าของสถิติเติบโตเร็วที่สุดในปี 2016 จากการขายอาหารสัตว์เลี้ยงนาม Chewy (NYSE:CHWY) ที่เปิดพื้นที่ออนไลน์ให้ผู้ต้องการอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงเข้ามาสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์หรือผ่านแอปพลิเคชัน เพียงกดสั่งเท่านั้นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักของคุณจะมาอยู่ที่ประตูบ้านทันที
จุดแข็งของบริษัท Chewy ที่ทำให้บริการของพวกเขาเป็นที่ต้องการในยุคนี้เหมือนกับสองบริษัทที่เราได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ เพราะบริการของ Chewy เป็นการส่งถึงหน้าบ้านโดยตรงทำให้ผู้คนที่จำเป็นต้องอาศัยอยู่แต่ในบ้านสามารถสั่งอาหารให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขาโดยที่ไม่ต้องก้าวเท้าออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว
ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้น Chewy ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 27% มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $33.65 และจุดสูงสุดอยู่ที่ $34.99 บริษัทมีมูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ $12.8 ล้านเหรียญสหรัฐ รายงานผลประกอบการครั้งต่อไปของบริษัทจะเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาสที่ 4 Chewy จะสามารถมีตัวเลขปันผลต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 15 เซนต์ในขณะที่ผลกำไรรวมคาดว่าจะอยู่ที่ $135 ล้านเหรียญสหรัฐ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ช่วง ตอบคำถามจากทางบ้าน! แฟน ๆ ของ WikiFX หลายคนส่งคำถามเข้ามาว่า หุ้น กับ Forex นี่มันอันเดียวกันรึเปล่า หรือมันต่างกันยังไง อะไรน่าลงทุนกว่า? เล่นหุ้นมาก่อน ลองเทรด Forex ได้ไหม? ทางเราไม่รอช้า รวบรวมคำตอบมาให้แล้วในบทความนี้!
วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักเทรดเดอร์วัยเด็ก ซึ่งผู้โชคดีจากเหตุการณ์นี้ กับ “เจเดน คาร์” จากเมืองซาน แอนโทนิโอ ในรัฐเท็กซัส
ราคาหุ้นเทสลา ปรับตัวลงอีก 0.12% ในช่วงเช้านี้ หลังมีรายงาน ยอดสั่งซื้อรถยนต์ พ.ค.ของเทสลา ในประเทศจีนลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากเดือนเม.ย. เนื่องจากที่รัฐบาลจีนพยายามตรวจสอบรถยนต์เทสลา
วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักนักลงทุนชาวไทยที่ประสบความสำเร็จระดับพันล้าน ผู้มีปริมาณการซื้อขายหุ้นมาแล้วทั้งชีวิตกว่า 1 ล้านล้านบาท คร่ำหวอดในวงการนี้มากว่า 3 ทศวรรษ กับ “เสี่ยป๋อง วัชระ แก้วสว่าง”
STARTRADER
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
FOREX.com
TMGM
STARTRADER
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
FOREX.com
TMGM
STARTRADER
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
FOREX.com
TMGM
STARTRADER
Pepperstone
IC Markets Global
FXTM
FOREX.com
TMGM